หน้าแรก // ข่าวสาร // Breguet Reine de Naples......

Breguet Reine de Naples มนต์เสน่ห์แห่งความงามที่อยู่เหนือกาลเวลา

29 8918br2c364d00d Ret 02 13898 1 Scaled

Breguet Reine de Naples ไม่ได้เป็นแค่เครื่องบอกเวลาที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์แห่งความสวยงามสำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น แต่เรื่องราวและจุดเริ่มต้นของนาฬิกาเรือนนี้ยังมีความพิเศษ และถือว่าเป็นการจุดประกายที่กลายมาเป็นรากฐานและการก่อกำเนิดของการพัฒนานาฬิกาเพื่อการสวมใส่บนข้อมืออีกด้วย

ความเป็นมาและประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไปถึง 211 ปีบวกกับเป้าหมายของการพัฒนาเรื่องนี้เพื่อบุคคลที่มีความสำคัญ ย่อมทำให้ Breguet Reine de Naples ที่ถูกนำกลับมาผลิตใหม่มีความพิเศษอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เรื่องราวจากชนชั้นสูงสู่การก่อกำเนิดนาฬิกาข้อมือ

แม้ว่านาฬิกาจะก่อเนิดมานานหลายร้อยปีแล้ว แต่การดูเวลาของคนในยุคนั้นมักจะผ่านทางนาฬิกาพกที่ถือเป็นเครื่องประดับของผู้ชาย หรือไม่ก็นาฬิกาที่เป็น Clock ในรูปแบบต่างๆ จนกระทั่งในปี 1810 เมื่อ Abraham-Louis Breguet นักประดิษฐ์นาฬิกาอันเลื่องชื่อได้รับคำสั่งให้ผลิตนาฬิกาเพื่อถวายแก่ Caroline Murat ราชินีแห่งนครเนเปิลส์ พระขนิษฐาของ Napolean Bonarparte จักรพรรดิแห่งฝรั่งเศส และในปี 1812 นาฬิกาเรือนนี้จึงเสร็จสิ้นและถูกถวายแก่พระองค์

จากการที่ Caroline Murat หรือ Queen of Naples เป็นผู้ที่มีรสนิยมด้านศิลปะและหลงใหลในเครื่องบอกเวลาอย่างมากด้วยการสะสมนาฬิกาของ Breguet มากถึง 30 เรือน ดังนั้น นาฬิกาที่ถูกถวายจึงจะต้องมีความพิเศษและโดดเด่นในแง่ของการออกแบบ การผลิต และการประดับประดาที่มีความวิจิตรอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในด้านการออกแบบซึ่งตัวเรือนมีลักษณะเป็นรูปไข่มีความโค้งมนและค่อนข้างยาวซึ่งถือว่าเป็นดีไซน์ที่ไม่ค่อยได้พบเห็นในนาฬิกาในยุคนั้น

นอกจากนั้น ว่ากันว่านาฬิกาเรือนนี้เป็นนาฬิกาพกซึ่งมีขนาดเล็กมาก สามารถผูกติดกับข้อมือเพื่อดูเวลาได้อย่างสะดวก และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่กระตุ้นสู่อุตสาหกรรมนาฬิกาในเวลาต่อมากับการผลิตนาฬิกาข้อมือ แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานร่วมร้อยปีก็ตาม

ความงดงามที่ถูกส่งผ่านสู่ปัจจุบัน

ในปี 2002 Breguet ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่นที่ชื่อว่า Reine de Naples ออกมา นี่คือการเชื่อมโยงกับเรื่องราวที่มีจุดเริ่มต้นของราชินีแห่งเนเปิลส์และการผลิตนาฬิกาอย่างพิถีพิถันและใส่ใจของ Abraham-Louis Breguet ที่จะต้องสร้างสรรค์ทุกรายละเอียดให้สอดรับกับความต้องการของผู้สวมใส่ และนาฬิกาคอลเล็กชั่นนี้ถูกผลิตและเปิดตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

นาฬิกาจากคอลเล็กชั่น Reine de Naples ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาที่ Abraham-Louis Breguet ออกแบบเมื่อปี 1810 และถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่มีความคลาสสิค แต่ผ่านการตีความใหม่ด้วยมุมมองแห่งความร่วมสมัยเพื่อให้เรือนเวลาในคอลเล็กชันนี้มีความสวยงานและโดดเด่นอยู่เหนือกาลเวลา โดยเฉพาะ 4 รุ่นที่น่าสนใจจากคอลเล็กชั่นนี้ ซึ่งถือว่าถูกสร้างสรรค์ได้อย่างร่วมสมัยเพื่อเป็นทั้งเรื่องบอกเวลาและเครื่องประดับ

Breguet 8918bb28964d00d Lifestyle 3 High Resolution  300 Dpi   Jpg  9625 Scaled

Reine de Naples 8918  ตัวเรือนรูปไข่และมีขนาดยาวโดยมีมีติตัวเรือนอยู่ที่ 36.5X28.45 มิลลิเมตร และผลิตจากวัสดุที่มีค่าอย่าง White Gold ขนาด 18K พร้อมกับเพิ่มความสวยงามและแวววาวด้วยเพชรจำนวน 117 เม็ดรวม 0.99 กะรัตที่วางตัวอยู่โดยรอบ

แต่ที่พิเศษคือและถือเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาคอลเล็กชั่นนี้คือ มีการประดับด้วยทับทิมที่เจียระไนด้วยกรรมวิธี Cabonchon-Cut ประดับอยู่บนหน้าตัดของเม็ดมะยม ซึ่งโทนสีแดงเข้มนี้ถูกกำหนดให้เป็นแนวทางในการตกแต่งรายละเอียดตามจุดต่างๆ บนนาฬิกาเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกัน เช่น สายหนังสีแดงเข้มพร้อมตัวรัดสายที่มีการประดับเพชร 26 เม็ดจำนวน 0.12 กะรัต และตัวเลขอาระบิกที่อยู่บนหน้าปัด ซึ่งถูกออกแบบให้มีสไตล์หรือรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของคอลเล็กชั่นนี้ โดยที่หลักชั่วโมง 6 นากาจะถูกแทนที่ด้วยเพชรทรงลูกแพร์ขนาด 0.08 กะรัต บนหน้าปัดมีทั้งส่วนที่เป็นความงามของ Mother of Pearl ขณะที่ส่วนวงกลมตรงกลางจะมาพร้อมกับลาย clou de Paris ที่ถูกสลักลงบนพื้นผิวทองคำขาว พร้อมเข็ม Blue Steel ทรง Breguet

การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกลไกอัตโนมัติ Calibre 537/3 มาพร้อมกับเฟืองเอสเคปเมนต์และใยนาฬิกาที่ผลิตจากซิลิคอน ให้ความเที่ยงตรงและมีความทนทาน โดยตัวกลไกมีกำลังสำรองอยู่ที่ 45 ชั่วโมง

3

Reine de Naples 8908  การนำคอลเล็กชั่น Reine de Naples รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2002 มาตีความใหม่อีกครั้งในด้านการออกแบบให้มีความร่วมสมัยขึ้นด้วยการเพิ่มความหรูหรา และผสมผสานฟังก์ชั่นเพิ่มเข้าไป ตัวนาฬิกาเปิดตัวในปี 2018 มาพร้อมตัวเรือนขนาด 36.5X28.45 มิลลิเมตร ที่ผลิตจากทองคำ Rose Gold 18K ซึ่งมีการประดับเพชรแบบ Brilliant-Cut จำนวน 128 เม็ดรวม 0.77 กะรัตเอาไว้ที่ขอบตัวเรือน

อย่างไรก็ตาม ส่วนที่น่าสนใจคือ รายละเอียดที่อยู่บนหน้าปัดที่ผสมผสานระหว่างพื้นผิวด้านบนซึ่งเป็น Mother of Pear แบบ Tahitian สีอมน้ำตาลที่มีลวดลายสวยงามกับพื้นผิวโลหะที่ผลิตจาก Silverd Gold ในการบอกเวลา ส่วนบนที่เป็นพื้นผิวมุกจะมีการเจาะช่องเพื่อแสดงข้างขึ้นข้างแรม หรือ Moonphase และขณะเดียวกันก็จะมีเข็ม Blue Steel อยู่ด้านบนเพื่อทำหน้าที่เป็นมาตรแสดงระดับกำลังสำรอง หรือ Power Reserve ของกลไกรหัส Cal.537 DRL2 ที่มีกำลังสำรอง 45 ชั่วโมง

ขณะที่ตรงพื้นหน้าปัด Silvered Gold จะทำหน้าที่บอกเวลาผ่านทางเข็ม Blue Steel และใช้หลักชั่วโมงแบบโรมัน ขณะเดียวกันก็จะมีหน้าปัดแยกออกมาสำหรับเข็มวินาทีย่อย หรือ Small Second ในตำแหน่ง 8 นาฬิกา เพิ่มความลงตัวและความสวยอย่างโดดเด่นด้วยสายหนังสีดำที่มาพร้อมกับบานพับสายประดับเพชรซึ่งจะช่วยแต่งเติมให้นาฬิกามีความงดงามยามเมื่อถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือ

8908bb52864d00d Pub Scaled

Reine de Naples Jour/Nuit 8998  เมื่อวิจิตรศิลป์มาบรรจบกับกลไกขั้นสูงในรูปแบบ Complication แน่นอนว่าในบรรดาเรือนเวลาที่อยู่ในคอลเล็กชั่น Reine de Naples จะมีทั้งรุ่นที่เน้นความสวยงามภายใต้รูปแบบที่เรียบง่าย และรุ่นที่ผสมผสานทักษะชั้นเลิศด้านองค์ความรู้ของการผลิตกลไกให้เข้ากับงานศิลปะ ซึ่ง 8998 คือผลผลิตที่เกิดจากการผสมผสานได้อย่างลงตัว

บนตัวเรือนที่ผลิตจาก White Gold ขนาด 18K Breguet ยกระดับความสวยงามและความหรูหราด้วยการใช้เพชรในการประดับตามจุดต่างๆ ของตัวเรือน เช่น ขอบตัวเรือนที่มีเพชรรวมทั้งสิ้น 143 เม็ดรวม 1.45 กะรัต หรือบนหน้าตัดของเม็ดมะยมที่มีการฝังเพชร Briolette ขนาด 0.26 กะรัตลงไป

ขณะที่บนหน้าปัดคือการแสดงให้เห็นถึงการนำเสนอความงาม โดยจะมีการออกแบบวงบอกเวลาและช่วงเวลาเป็นวงกลมซ้อนกันเหมือนเลข 8 วงส่วนบนจะเจาะช่องในการแสดงฟังก์ชั่น Day/Night หรือ Jour/Nuit เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน โดยบนเพลทที่ผลิตจากไทเทเนียมจะมาพร้อมกับรูปพระจันทร์เพื่อบอกว่าเป็นเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันจะใช้ช่องที่ถูกเจาะในแบบ Open Heart เพื่อแสดงให้เห็นการทำงานของ Balance Wheel เป็นตัวแทนของกลางวันหรือพระอาทิตย์ ซึ่งเพลทนี้จะหมุนเป็นอิสระในรูปแบบ 1 รอบหน้าปัดทำงานคู่กับตัวเลขอาระบิก ส่วนล่างจะมากับพื้นหน้าปัดที่ใช้เทคนิคการผลิตหน้าปัดระดับสูงอย่างลวดลาย Barleycorn Pattern และใช้เข็มบอกเวลาทำงานร่วมกับตัวเลขโรมัน

การแสดงเวลาและการบ่งบอกช่วงเวลาในรูปแบบ Day/Night เป็นฟังก์ชั่นที่อยู่ในกลไกรหัส Cal.78C ที่มีกำลังงานสำรองนานถึง 57 ชั่วโมง ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ด้านความสะดวกในการใช้งานโดยเฉพาะการที่ไม่ต้องตั้งเวลาใหม่ เมื่อวางนาฬิกาเอาไว้ในช่วงกลางคืนวันศุกร์และสวมอีกครั้งในช่วงเช้าวันจันทร์เพื่อไปทำงาน

.

4

Reine de Naples 8938  ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา การนำอัญมณีที่มีค่ามาใช้ในการประดับหรือตกแต่งลงบนเรือนเวลาถือเป็นเทคนิคขั้นสูงและเป็นเทคนิคในการเพิ่มความโดดเด่นที่ช่างทำนาฬิกานำใช้กันอย่างต่อเนื่อง และใน Reine de Naples 8938 ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้เปิดตัวในปี 2021 แต่มีความงดงามและสวยเด่นเหนือกาลเวลาด้วยการนำเพชรจำนวนกว่า 500 เม็ดมาประกับลงตามจุดต่างๆ ของตัวนาฬิกา

161 เม็ดหรือราวๆ 1.82 กะรัตถูกใช้ในการตกแต่งขอบตัวเรือนของนาฬิกาที่ผลิตจากทองคำขาวแต่นั่นยังไม่สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจได้มากเท่ากับการโรยเพชรจำนวน 384 เม็ดหรือ 0.89 กะรัตลงบนพื้นหน้าปัดทั้งส่วนบนและส่วนล่างเพื่อให้เกิดความงามที่สะท้อนถึงความขาวโพลนและเป็นประกายยามเมื่อถูกปกคลุมด้วยหิมะ

ขณะที่ขอบแสดงหลักชั่วโมงที่เป็นวงแหวนวางเยื้องศูนย์จากหน้าปัดก็ผลิตด้วย Mother of Pearl สีเงิน และผิวเรียบข้องพื้นส่วนนี้ทำให้ตัวหน้าปัดมีการตัดแบ่งส่วนกันอย่างชัดเจนและสวยงาม โดยการแสดงเวลาในแบบ 2 เข็มไม่มีเข็มวินาทีจะถูกขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Cal537/3 ที่ใช้โรเตอร์ซึ่งผลิตจากแพล็ทตินัม ซึ่งสามารถสัมผัสความงามผ่านทางฝาหลังแบบใส และมีกำลังสำรองอยู่ที่ 45 ชั่วโมง

เพื่อสร้างความสะดุดตาและโดดเด่นเวลาที่นาฬิกาถูกสมใส่อยู่บนข้อมือ Breguet เลือกใช้สายหนังสีฟ้าอ่อนที่เข้ามาช่วยตัดความขาวและสร้างจุดดึงดูดสายตา โดยในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับบานพับสายที่ผลิตจากทองคำ และมีการประดับเพชรแบบ Brilliant-Cut จำนวน 28 เม็ดเอาไว้ด้วย เรียกว่านอกจากจะดูสวยสปอร์ตขึ้นจากสีสันแล้วยังเต็มไปด้วยความหรูหรา และประกายระยิบระยับตลอดทั้งเรือน

8938bb8d964 Dd0d Pr High Resolution  300 Dpi   Jpg  11555 Scaled