ทุกจังหวะแห่งการเดินทางกับความสง่างามบนข้อมือ

ชื่อของ Bvlgari ไม่เพียงแต่จะมีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในกลุ่มของเครื่องประดับเท่านั้น แต่ในอุตสาหกรรมนาฬิกา โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ผลิตเครื่องบอกเวลาชั้นสูงแล้ว พวกเขาก็เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในแง่ของการนำประสบการณ์ที่มีอยู่ในแวดวงเครื่องประดับมาสอดแทรกในการออกแบบนาฬิกา เพื่อให้ได้ความลงตัวทั้งในแง่ของฟังก์ชั่นและแฟชั่น พร้อมกับสร้างความโดดเด่นให้กับผู้สวมใส่

Aluminum ถือเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นของ Bvlgari ที่ได้รับกับยอมรับจากผู้สวมใส่ทั่วโลกในฐานะของเครื่องบอกเวลาที่มีความโดดเด่นในแง่การออกแบบที่สวยและทันสมัยด้วยความกล้าที่จะฉีกแนวคิดในแบบเดิมๆ ของการผลิตเครื่องบอกเวลาชั้นสูงด้วยการนำวัสดุอย่างยางเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดตั้งอยู่บนตัวเรือนเพื่อนำเสนอความโดดเด่นแบบไม่มีข้อจำกัด โดยทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เมื่อ Bvlgari เปิดตัวคอลเล็กชั่นนี้ออกมาในปี 1998 พร้อมกับการทำลายรูปแบบเดิมๆ ของนาฬิกาสปอร์ตระดับหรู ด้วยแนวคิดใหม่ที่แตกต่างแต่ยังสามารถสร้างความโดดเด่นให้กับผู้สวมใส่

ผ่านมา 22 ปีของการก่อกำเนิดของคอลเล็กชั่น Aluminium ทางแบรนด์ได้เปิดตัวโฉมใหม่ออกมา ซึ่งจริงอยู่ที่ในทุกรายละเอียดจะยังแฝงเอาไว้ซึ่งความเป็นนาฬิการะดับ Iconic ของแบรนด์เอาไว้ แต่ถูกตีความใหม่เพื่อสอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไปแต่ยังคงเอาไว้ โดยเฉพาะในแง่ของการดีไซน์ที่สามารถตอบสนองถึงความหรูหราแบบสปอร์ต ซึ่งถูกผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

 ตัวนาฬิกายังคงคอนเซ็ปต์ในการออกแบบด้วยการนำRubberเข้ามามีส่วนในการผลิตชิ้นส่วนโดยพาะสายRubberเพื่อแสดงถึงความสปอร์ตระดับหรูที่ไม่ได้ถูกตีกรอบเอาไว้แค่วัสดุบางอย่าง ตัวเรือนมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับกับรสนิยมของคนรุ่นใหม่ แต่ตัวเลข 40 มิลลิเมตรของเส้นผ่านศูนย์กลางยังถือว่าเป็นตัวเลขที่รองรับได้กับขนาดข้อมือของทั้งผู้ชายและผู้หญิงตามแบบฉบับนาฬิกาที่เรียกว่า Unisex ที่สำคัญคือ ตัวเรือนผลิตจากอะลูมิเนียมและไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยครั้งนักสำหรับการผลิตนาฬิกา

และอีก 2 ปีหลังจากนั้น เมื่อโลกของเราเริ่มฟื้นตัวและสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลายทำให้การเดินทางเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง Bvlgari Aluminum จึงได้เปิดตัว 3 รุ่นใหม่ภายใต้แนวคิดของการนำเสนอความโดดเด่นอย่างแตกต่างให้กับนักเดินทางและนักผจญภัยด้วยเวอร์ชันสุดพิเศษซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นจากรุ่นต่างๆ ของนาฬิกาในคอลเล็กชั่นนี้ นั่นคือ Bulgari Aluminium Chronograph Ducati, Bulgari Aluminium GMT Amerigo Vespucci และ Bulgari Aluminium Sorayama

ที่สำคัญคือ ทุกเรือนเป็นนาฬิกาที่มีการผลิตจำกัดในแบบ Limited Edition โดยผลิตรุ่นละ 1,000 เรือนเท่านั้น

 ทะยานด้วยความเร็วไปกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจ

โลดแล่นไปบนเส้นทางที่คดเคี้ยวกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจ รับสายลมเย็นที่พุ่งเข้ามาปะทะด้วยความเร็วสูง ไม่มีอะไรที่สุขใจไปกว่านี้แล้วสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว และนั่นทำให้ Ducati แบรนด์มอเตอร์ไซค์ชื่อดังของอิตาลีถูกจับมาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบร่วมกับ Bulgari Aluminium Chronograph เพื่อสะท้อนผ่านความหรูหราบนความเร็วของเครื่องจักรที่สุดเร้าใจในโลก 2 ล้อ

ตัวนาฬิกาถูกสร้างสรรค์บนพื้นฐานของรุ่น Chronograph มาพร้อมกับหน้าปัดสีแดง ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของแบรนด์ Ducati ที่ผสมผสานเข้ากับรูปทรงและสีสันของ Aluminium Chronograph ได้เป็นอย่างดี โดยการจัดวางและรูปแบบของหน้าปัดถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้เป็นเอกลักษณ์สำหรับนาฬิการุ่นนี้โดยเฉพาะ ด้วยแนวคิดในการจำลองเพื่อให้เกิดความรู้สึกเหมือนกับการมองมาตรวัดรอบเครื่องยนต์และความเร็วของมอเตอร์ไซค์ โดยหน้าปัดย่อยจะมากับพื้นสีดำ และมีการใช้หลักชั่วโมงที่เป็นฟอนต์ตัวเลขแทนที่หลักชั่วโมงแบบทรงเหลี่ยมเหมือนกับรุ่นธรรมดาในส่วนของ 10-12

การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกลไกอัตโนมัติแบบจับเวลาในรหัส Cal.B130 เดินด้วยความถี่ในระดับ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และมีฟังก์ชั่นจับเวลาได้สูงสุด 12 ชั่วโมง และมีกำลังสำรองอยู่ที่ 42 ชั่วโมง

 

ท่องโลกอย่างนักสำรวจในตำนาน

ชื่อของ Amerigo Vespucci ถือว่าโด่งดังอย่างมากในโลกยุคเก่าที่ก่อกำเนิดบรรดานักสำรวจที่ออกเดินทางข้ามเส้นรุ้งและเส้นแวงเพื่อเสาะหาดินแดนแห่งใหม่ นี่คือ นักสำรวจชื่อดังชาวอิตาลีที่สามารถแยกแยะดินแดนในส่วนของทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ออกจากกัน และคำว่า America ในการตั้งชื่อของทวีปก็มาจากชื่อ Amerigo ของเขานั่นเอง

และเพื่อให้สอดรับกับนักเดินทางที่ท่องไปทั่วโลก การผลิตเวอร์ชัน Amerigo Vespucci ก็คือ การจับคู่กับ Bulgari Aluminium GMT ซึ่งเป็นเวอร์ชัน GMT ที่สามารถได้ 2 เขตเวลา คือ เวลาที่เดินทางจากมา หรือ Home Time และเวลาที่เดินทางไปถึง หรือ Local Time ซึ่งถือเป็นเวลา 2 ตำแหน่งที่มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับนักเดินทาง

นาฬิกา GMT จะมีความพิเศษตรงที่มีเข็มสำหรับแสดงเวลาที่ 2 เพิ่มเข้ามาซึ่งจะทำงานในการบอกเวลาร่วมกับสเกล 24H ซึ่งเป็นขอบอินเนอร์อยู่ด้านข้างของหน้าปัดและเพื่อเป็นการแสดงถึงความเคารพในความยิ่งใหญ่แห่งการสำรวจของ Amerigo Vespucci การเลือกใช้สีสันจึงเป้น 3 สีหลักคือ ดำ ทองและขาว ซึ่งเป็นสีประจำเรือของเขา ซึ่งทาง Bvlgari ได้นำสิ่งเหล่านี้เข้ามาตกแต่งเพิ่มเติมในรายละเอียดตามจุดต่างๆ ของตัวนาฬิกา ขณะที่ด้านล่างของข้อความในตำแหน่ง 6 นาฬิกาก็มีการเพิ่มสีแดงและเขียวที่เป็นสีของธงชาติอิตาลีเพิ่มเข้ามาด้วย

สำหรับกลไกเป็นแบบอัตโนมัติในรหัส Cal.B192 เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 50 ชั่วโมง พร้อมความสามารถในการกันน้ำ 100 เมตร

สะท้อนความหลงใหลแห่งยุคของการเดินทาง

ในช่วงทศวรรษที่ 1930 และ 1940 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายอย่างที่นำไปสู่ความก้าวหน้าของโลกทั้งในเรื่องของการบินและการเดินทางทางบก เครื่องบินและรถยนต์ถูกพัฒนาให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างที่เคยเป็น และแน่นอนว่าความน่าหลงใหลของ 2 ทศวรรษนี้ได้ถูกนำเสนอผ่านงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Hajime Sorayama ซึ่งได้นำเรื่องราวที่เขาหลงใหลเหล่านี้มาสะท้อนผ่านนาฬิการุ่น Aluminium ของ Bvlgari

ทั้งหมดถูกสะท้อนผ่านหน้าปัดอันสุดสวยและแวววาว ซึ่ง Sorayama ได้นำแนวคิดจากจินตนาการของเขาที่มองเห็นจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของบรรดารถยนต์สมรรถนะสูง รวมถึงเครื่องบินที่พุ่งทะยานแหวกอากาศ ซึ่งทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากโลหะสีเงินที่มีความแวววาวและเป็นประกายเมื่อพื้นผิวกระทบเข้ากับแสงแดด พร้อมลวดลายที่มักจะพบเห็นได้ในยานยนต์และอากาศยานในยุคนี้ โดยทั้งหมดถูกหล่อหลอมและนำเสนอผ่านหน้าปัดสีเงินที่มีลวดลายสวยงามของนาฬิกาเรือนนี้

นอกจากนั้น สิ่งที่พิเศษและอาจจะเกิดเครื่องหมายคำถามตามมาคือ เลข 2 ซึ่งเป็นเลขเดียวที่ปรากฏอยู่บนหน้าปัดนาฬิกานั้นมาจากไหน คำตอบคือ เลข 2 ถือเป็นเลขนำโชค หรือ Lucky Number ของ Sorayama และเมื่อพลิกด้านหลังจะพบกับฝาหลังสีดำที่เป็นสีประจำของ Sorayama พร้อมกับการสลักชื่อของเขาลงบนฝาหลังด้วยเพื่อสื่อถึงความพิเศษที่มีอยู่ในนาฬิกาเรือนนี้

ที่ขาดไม่ได้คือ การขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติในรหัส B130 ซึ่งมีกำลังสำรอง 42 ชั่วโมง ตอบสนองทั้งความเที่ยงตรงและประสิทธิภาพในการทำงานที่มั่นใจได้

ความพิเศษที่เกิดขึ้นจากแนวคิดที่โดดเด่นจนนำไปสู่การนำเสนอผ่านเรือนเวลาเพื่อสะท้อนถึงตัวตนที่ทแท้จริงของผู้สวมใส่ และในเมื่อมนุษย์ไม่เคยหยุดนิ่งและการเดินทางไม่ว่าจะในรูปแบบใดคือ ส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต คอนเซ็ปต์ที่ Bvlgari นำเสนอผ่านคอลเล็กชั่น Aluminium ทั้ง 3 รุ่นจึงถือเป็นความพิเศษที่มีเอกลักษณ์ และควรค่าสำหรับนักเดินทางอย่างแท้จริง