
เข้าใกล้ช่วงเทศกาล…การเฉลิมฉลอง ความรื่นรมย์ การนับถอยหลังเพื่อส่งท้ายปีเก่าและเดินหน้าเข้าสู่ปีใหม่ แต่ที่ขาดไม่ได้คือ ‘ของขวัญ’ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า เมื่อถึงช่วงเทศกาลปลายปีทั้งคริสต์มาสหรือปีใหม่ การมอบของขวัญแทนคำขอบคุณถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ทั้งในด้านความล้ำค่าหรือคุณค่าที่มีอยู่ในตัว การเป็นตัวแทนของผู้ที่ให้ของขวัญ หรือการสื่อถึงความหมายใดๆ ที่ผู้มอบต้องการส่งไปยังผู้รับ นาฬิกาถือเป็นอีกสิ่งที่มักจะถูกเลือกเพื่อใช้เป็นของขวัญในการส่งมอบให้กับคนสำคัญอยู่เสมอมา
อย่างไรก็ตาม ด้วยในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวนาฬิกาที่น่าสนใจออกสู่ตลาดมากมายหลายรุ่น และหลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าจะเลือกรุ่นไหนหรือแบบไหนดีสำหรับการเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ เราขอแนะนำนาฬิกา 5 รุ่นที่เรียกว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติในการเป็นของขวัญชิ้นเยี่ยมสำหรับปีนี้
1.Bell & Ross BR-X5 Carbon Orange : ถือเป็นนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์พร้อมความโดดเด่นและมีความเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก ซึ่งใน BR-X5 Carbon Orange ถูกปรับปรุงและปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของคนเมืองซึ่งกำลังมองหาเรือนเวลาที่สะท้อนภาพลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน แต่มีการปรับบุคลิกของตัวนาฬิกาให้สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะเป็นแบบทางการหรือแบบลำลอง และที่สำคัญจะต้องมีสเปคในด้านต่างๆ ที่เหนือระดับจากรุ่นปกติ ซึ่งทุกความต้องการนี้ คำตอบอยู่ที่นาฬิกาเรือนนี้ สิ่งที่น่าสนใจของตัวนาฬิกาในแง่สเปคก็คือ การเลือกใช้วัสดุที่เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างตัวเรือนที่มีขนาด 41 มิลลิเมตร ซึ่ง Bell & Ross จับเอาวัสดุเทพอย่างคาร์บอนไฟเบอร์และไทเทเนียม เกรด 2 มารวมอยู่บนโครงสร้างตัวเรือนแบบ Multi-layer Construction ของพวกเขา โดยในส่วนของไทเทเนียมจะมีการรมดำแบบ DLC เพื่อให้มีความกลมกลืนกับลวดลายของคาร์บอน เมื่อแยกแต่ละส่วนของโครงสร้างแล้ว จะมีแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ 2 ชิ้นที่วางตัวประกบกับไทเทเนียมแบบชิ้นเดียวพร้อมคราวน์การ์ดและเคลือบด้วย DLC ส่วนด้านบนจะเป็นขอบตัวเรือนแบบยึดตายตัวที่ผลิตจากไทเทเนียม เกรด 2 พร้อมการเคลือบ DLC เหมือนกัน พร้อมกับเสริมสีสันด้วยวัสดุสีส้มตามจุดต่างๆ เช่นเดียวกับสายยางที่เป็นสีส้มตัดกับสีดำของตัวเรือนอย่างสวยงาม อีกสิ่งที่เยี่ยมไม่แพ้กันคือ กลไกอัตโนมัติอย่าง BR-Cal.323 ที่มีทั้งความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer และกำลังสำรองที่นานถึง 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องปรับตั้งเวลาใหม่หากวางนาฬิกาทิ้งเอาไว้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะมีกำลังลานนานพอที่จะทำให้นาฬิกาเดินข้ามวันหยุดไปได้หลังจากวางทิ้งเอาไว้เมื่อเลิกการทำงานในวันศุกร์ โดยระดับกำลังสำรองที่เหลืออยู่ในกลไกสามารถดูได้จาก Power Reserve Indicator ที่อยู่ในตำแหน่ง 9 นาฬิกาของหน้าปัด และสุดท้ายคือ การผลิตจำนวนจำกัด ซึ่งมีเพียงแค่ 500 เรือนเท่านั้นทั่วโลก ซึ่งตรงนี้ทำให้ BR-X5 Carbon Orange มีความพิเศษสำหรับคนพิเศษจริงๆ
2.Chopard Happy Sport : ถ้าช่วงเวลาพิเศษนี้คุณต้องการมองหานาฬิกาให้กับคนที่คุณรัก หรือสุภาพสตรีที่มีความสำคัญในชีวิตของคุณ นี่คือ อีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรใส่เอาไว้ในลิสต์เพื่อพิจารณา เพราะถือเป็นนาฬิกาที่ครบทั้งในเรื่องชื่อเสียงและความเป็นมาของแบรนด์ ดีไซน์ และการเลือกใช้วัสดุที่มีค่าเพื่อเติมความโดดเด่นให้สะดุดตาเวลาที่สวมใส่อยู่บนข้อมือ Happy Sport ถือเป็นคอลเล็กชั่นที่มีบุคลิกเฉพาะตัวและเป็นการผสมผสานความลงตัวของวัสดุที่มีค่าเข้าด้วยกัน รวมถึงความกล้าที่จะแตกต่าง เพราะในปี 1993 Chopard ถือเป็นนาฬิกาแบรนด์แรกในยัคนั้นที่เลือกนำสแตนเลสสตีล และการประดับด้วยเพชรเข้ามาผสมผสานกันอยู่บนตัวเรือนนาฬิกา และผ่านมา 30 ปีแนวคิดนี้ก็ยังคงอยู่และได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่ง Happy Sport รุ่นล่าสุดถือเป็นนาฬิกาที่ผสมผสานทั้งทองคำ Rose Gold, สแตนเลสสตีล, เพชร และทับทิมเข้าด้วยกันบนตัวเรือนที่มีส่วนผสมของทองคำ Rose Gold และสแตนเลสสตีลมีขนาด 30 มิลลิเมตรมาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีแดงที่สวยสะดุดตาและตัดกับหน้าปัดสีเงินที่มาพร้อมกับลาย Guilloche ซึ่งเมื่อมองข้างในจะพบกับ Dancing Diamond หรือเพชรกลิ้งที่จะกลิ้งอยู่ภายในหน้าปัด ซึ่งถือเป็นอีกเอกลักษณ์ของตัวนาฬิกา และถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Happier when they are free’ ทำให้ตัวนาฬิกาดูน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเมื่อเห็นเพชรเหล่านี้กลิ้งไปมาเวลาที่ผู้สวมใส่ขยับข้อมือหรือแขน ขณะที่กลไกอัตโนมัติในรหัส CHOPARD 09.01-C ตอบสนองจังหวะในการขับเคลื่อนได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกำลังสำรองในระดับ 42 ชั่วโมง รวมถึงการขัดแต่งที่สวยงามด้วยลวดลาย Côtes de Genève และก้นหอยตามชิ้นส่วนต่างๆ ของกลไก ซึ่งคุณสามารถชื่นชมความงามเหล่านี้ผ่านทางฝาหลังที่มาพร้อมกระจกใส การออกแบบที่สวย การผสมผสานวัสดุหลายอย่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัว รวมถึงลูกเล่นที่สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจอย่าง Dancing Diamond คือ เหตุผลหลักๆ ที่คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วในการช่วยตัดสินใจให้คุณเลือกนาฬิกาเรือนนี้เป็นของขวัญสำหรับคนพิเศษ
3.Franck Muller Master Banker Collection : แน่นอนว่าชื่อของ Franck Muller ได้รับการยอมรับในฐานะของการเป็นเครื่องบอกเวลาชั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลเล็กชั่น Vanguard อันโดดเด่นและเป็นที่รู้จักซึ่งมาพร้อมกับตัวเรือนแบบไร้ขายสาย หรือ Tonneau ส่วนอีกรุ่นที่ถือว่าน่าสนใจและได้รับการยอมรับไม่แพ้กันคือ Master Banker Collection ซึ่งเป็นนาฬิการะดับหรูที่ผ่านการสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน กับการปรับแต่งตัวเรือนทรง Tonneau ให้เข้ากับยุคสมัย และความสะดวกสบายในการสวมใส่มากขึ้น เหมาะสำหรับนักธุรกิจทั้งผู้ชายผู้หญิงที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ และต้องการความแตกต่างในเรื่องของการออกแบบและการบอกเวลา 2 เขตเวลาเพื่อใช้ในการทำงาน โดยทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความง่าย และความสะดวกด้วยการปรับผ่านทางเม็ดมะยมเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากความพยายามของ Franck Muller ที่ต้องการพัฒนานาฬิการะดับสูงที่สามารถใช้งานได้จริงสำหรับนักธุรกิจที่ต้องติดต่อหรือเดินทางข้ามเขตเวลา สำหรับรุ่นที่แนะนำคือ Ref.7880 MB SC DT II RED D มาพร้อมกับตัวเรือนขนาด 26 มิลลิเมตรผลิตจากทองคำ Red Gold 18k ที่ผ่านการขัดด้วยมือเพื่อให้พื้นผิวเงาสลับด้านที่สวยงาม ขอบตัวเรือนมีการฝังเพชรเอาไว้โดยรอบ พร้อมกับหน้าปัดที่มาพร้อมกับลาย Guilloche พร้อมกับการเคลือบแล็คเกอร์ใสมากถึง 20 ชั้นเพื่อให้มีความโดดเด่นและสวยงามเมื่อยามเล่นกับแสง โดยบนหน้าปัดจะมีการแบ่งหน้าปัดในการบอกเวลาทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน คือ 2 เวลาสำหรับหน้าปัดย่อยในตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกา ส่วนอีกโซนเวลาคือ บนหน้าปัดหลัก สิ่งน่าสนใจสำหรับกลไกอัตโนมัติรหัส MVD FM 2800-MBSC ที่มีกำลังสำรอง 42 ชั่วโมงชุดนี้ นอกเหนือจากฟังก์ชั่นที่ยอดเยี่ยมแล้ว คือ การขัดแต่งลายและชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยความประณีตและงานฝีมือระดับสูงตามแบบฉบับเครื่องบอกเวลาชั้นเยี่ยม โดยจะมีทั้งการสลักลาย Côtes de Genève หรือ Perlage การสลักลวดลาย หรือการขัดด้าน ขัดเงา การขัดแบบ Sun Ray หรือการขัดแบบลายก้นหอยลงบนชิ้นส่วนต่างๆ ที่สามารถมองเห็น เรียกว่านี่คือ งานศิลป์ที่รวมรวบทุกความประณีตจากศาสตร์การผลิตเครื่องบอกเวลาชั้นสูงเอาไว้ เพื่อการใช้งานที่ลงตัว
4.Breguet Reine de Naples 8918 : แรงบันดาลใจจากนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลกที่เกิดขึ้นในปี 1812 มาสู่การสร้างสรรค์เรือนเวลาที่สวยงามและลงตัวเพื่อการใช้งานในยุคปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า Breguet สร้างสรรค์คอลเล็กชั่น Reine de Naples อย่างรุ่น 8918 ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และผสมผสานเทคนิคในการผลิตนาฬิการะดับหรูหราได้อย่างยอดเยี่ยม ย้อนกลับไปในปี 1812 ในยุคที่นาฬิกาข้อมือยังไม่ถือกำเนิดขึ้นแต่ด้วยความต้องการที่แตกต่างในยุคนั้นเมื่อทางแบรนด์ได้รับคำสั่งจาก Caroline Murat น้องสาวของ Napolean ซึ่งดำรงตำแหน่งพระราชินีของเนเปิลในปี 1810 ในการผลิตนาฬิกาที่สามารถสวมใส่ได้บนข้อมือ และสามารถตีบอกชั่วโมงได้ เช่นเดียวกับการบอกเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนานาฬิกาเพื่อการสวมใส่บนข้อมือเป็นครั้งแรก ทั้งหมดได้ถูกถ่ายทอดและตีความใหม่จากเอกสารและบันทึกของ Breguet เพื่อนำมาสู่เรือนเวลาที่ชื่อว่า Reine de Naples เพื่อสื่อถึงจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่และทำให้นาฬิกากลายเป็นเครื่องบอกเวลาที่ถูกสวมใส่อย่างแพร่หลายในศตวรรษต่อมา โดยรุ่น Reine de Naples 8918 มาพร้อมตัวเรือนที่ผลิตจากทองคำขาว 18K ฝาหลังเป็นแบบใสทำให้สามารถมองเห็นความสวยงามของกลไกที่ผ่านการขัดแต่งและสลักด้วยลวดลายที่สวยงาม หน้าปัดมุกแบบ Mother-of-Pearl เป็นลักษณะของเยื้องศูนย์ หรือ Off-Center โดยค่อนลงมาทางด้านล่างของหน้าปัด ขณะที่พื้นหน้าปัดหลักจะมีการประดับด้วยตัวเลขอาระบิกที่มีการเล่นขนาดและรูปแบบที่สวยงาม ขณะที่หน้าปัดย่อยที่เป็นจุดยึดของชุดเข็มจะมีสลักเป็นลวดลายแบบ Petit Tapisserie และมีทับทิมเม็ดใหญ่ขนาด 0.103 กะรัตประดับเอาไว้ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา ขณะที่บนขอบตัวเรือนรอบๆ หน้าปัดประดับด้วยทับทิมจำนวน 135 เม็ดรวม 1.078 กะรัต และอีก 1 เม็ดขนาด 0.27 กะรัตที่เม็ดมะยม เช่นเดียวกับที่ตัวรัดสายซึ่งมีการประดับทับทิมอีก 28 เม็ด ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ 537/3 ที่มีการขัดแต่งอย่างสวยงามตามแบบฉบับเครื่องบอกเวลาชั้นสูง โรเตอร์ขึ้นลายผลิตจากแพล็ตทินัมที่มีการสลักลาย Guilloche พร้อมเฟืองเอสเคปที่ผลิตจากซิลิคอน ทำให้มีความเสถียรและทนทานในการทำงานซึ่งส่งผลต่อความเที่ตรงของตัวนาฬิกา เมื่อมองจากภาพรวมทั้งหมดแล้ว Breguet Reine de Naples 8918 คือของขวัญชั้นเยี่ยมที่ยากจะปฏิเสธ
5. Ballon Bleu De Cartier Watch : เราไม่ปฏิเสธถึงความโด่งดังและความเป็น Iconic ของ Santos, Tank และ Pasha แต่เรากำลังจะบอกว่านาฬิกาที่สวยๆ และโดดเด่นของ Cartier ยังมีนอกเหนือจาก 3 รุ่นนี้ และนี่คือ รุ่น Ballon Bleu De Cartier Watch เมื่อเปรียบเทียบกับ 2-3 ชื่อที่เอ่ยมาก่อนหน้านี้ Ballon Bleu De Cartier Watch อาจจะไม่คุ้นหูคนทั่วไปเท่าไร แต่ถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงของแบรนด์ คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คืออีกคอลเล็กชั่นที่สวย มีเอกลักษณ์อย่างโดดเด่น เพียงแต่ไม่ค่อยถูกพูดถึงในวงกว้างสักเท่าไร โดยจุดเด่นของตัวนาฬิกาคือ การออกแบบตัวเรือนให้ยาวยื่นจนกลายเป็น Crown Guard ครอบเม็ดมะยม ซึ่งในรุ่นใหม่นี้มากับตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร ผลิตจากทอง Rose Gold 18K พร้อมประดับด้วยเพชรแบบ Brilliant-Cut รอบตัวเรือนจำนวน 52 เม็ด เหมาะกับทั้งข้อมือของผู้ชายและผู้หญิง สะท้อนความหรูหราในทุกรายละเอียดที่อยู่บนตัวเรือน โดยนอกจากบนตัวเรือนแล้ว Cartier ยังนำ Sapphire มาขัดและประดับที่หน้าตัดของเม็ดมะยม สายจระเข้มากับตัวรัดสายที่ผลิตจากทอง Rose Gold 18K หน้าปัดสีเงินแบบ Sunray ให้ความงามที่แตกต่างกันออกไปตามมุมส่องกระทบของแสง และรับกับชุดเข็มชั่วโมงและนาทีทรงดาบที่ผลิตด้วยกรรมวิธี Blue-Steel ขณะที่การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกลไกอัตโนมัติในรหัส Caliber 1847 MC ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเป็นของขวัญสำหรับคนที่รักแบรนด์ Cartier และต้องการความแตกต่างจากที่เคยมีอยู่