ใกล้ถึงช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองกับเทศกาลปีใหม่กันแล้ว หลายคนเตรียมหาของขวัญสำหรับคนพิเศษ และคงต้องบอกว่า นาฬิกา โดยเฉพาะนาฬิกาหรู ถือเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเลือกเป็นของขวัญสำหรับมอบให้กับตัวเอง คนที่คุณรัก หรือผู้ใหญ่ที่เคารพ
สำหรับใครที่กำลังเลือกซื้อนาฬิกาหรูสักเรือนไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ไหน มาดูเทรนด์ของนาฬิกาหรูในปีหน้า ว่าจะมีแนวโน้มอย่างไร จะเปลี่ยนไปจากปีนี้มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่คุณจะได้เลือกเครื่องบอกเวลาที่ ‘ใช่’ ให้กับคนที่คุณรักหรือแม้แต่ตัวคุณตัวเอง
1.นาฬิกาสไตล์สปอร์ต : แน่นอนว่านาฬิกาในสไตล์สปอร์ตยังคงได้รับความนิยม แม้ว่าหลายคนจะมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นาฬิกากลุ่มนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบ ตั้งแต่นาฬิกาจับเวลา ที่มาพร้อมกับระบบ Chronograph นาฬิกา Outfield อย่างเช่น Military Watch ไล่ไปจนถึงนาฬิกาดำน้ำ
-Bell & Ross BR-X5 Green Lum : เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดของ Lum Collection ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาในปี 2017 ความพิเศษคือ การอ้างอิงดีไซน์ของ BR-X5 นาฬิกากึ่งสปอร์ตสำหรับคนเมืองที่ได้รับความนิยมของแบรนด์ และเติมความน่าสนใจด้วยตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตรที่ผลิตจาก LM3D ซึ่งเป็นวัสดุแบบ Photoluminescent composite material ผลิตมาจากใยของแร่ควอตซ์ สามารถเรืองแสงเมื่ออยู่ในที่มืด พร้อมกลไกที่มีความเที่ยงตรงระดับ Chronometer และมีกำลังสำรอง 72 ชั่วโมง ที่สำคัญผลิตเพียง 999 เรือนเท่านั้น
2. นาฬิกาแบรนด์แฟชั่น : ในอดีต คนที่ชื่นชอบเรือนเวลามักจะมองไปที่แบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการผลิตนาฬิกาเท่านั้น แต่มองข้ามแบรนด์แฟชั่นหรือแบรนด์ที่มีการผลิตเครื่องประดับมาโดยตลอด จนกระทั่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แบรนด์แฟชั่นอย่าง Bulgari หรือ Cartier ได้พัฒนาองค์ความรู้ในด้านการผลิตนาฬิกาหรู ดังนั้น แบรนด์เหล่านี้จึงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งความสวยงามและความเป็นเครื่องบอกเวลาระดับสูงได้อีกด้วย
-Bulgari Serpenti : นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีที่ถูกออกแบบได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอยู่เหนือกาลเวลา เป็นได้ทั้งเครื่องประดับและเครื่องบอกเวลา โดย Serpenti ถูกออกแบบในฐานะของเครื่องประดับโดยใช้งูเป็นรูปทรงในการสร้างสรรค์มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1900 ก่อนที่จะพัฒนาในรูปแบบของเรือนเวลาที่ถูกสวมใส่เป็นครั้งแรกในปี 1962 โดย Elizabeth Taylor และหลังจากนั้น นาฬิกา Serpenti ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยรูปทรงทั้งแบบดั้งเดิมคือ เป็นนาฬิกาแบบกำไลที่เหมือนงูพันข้อมือ และรูปแบบที่เป็นนาฬิกาจริงๆ
3. นาฬิกาที่มีเรื่องราวและตำนานอันโด่งดังในอดีต : ผู้ที่สนใจซื้อนาฬิกาในยุคใหม่ๆ เริ่มให้ความสนใจกับเรื่องราวของแบรนด์ หรือแม้แต่คอลเล็กชั่นนั้นๆ มากพอกับความนิยมในตัวแบรนด์ และดีไซน์ รวมไปถึงกลไกที่อยู่ข้างใน ดังนั้น แบรนด์ไหนที่มีจุดกำเนิดในแง่ของเรื่องราว มักจะถูกจับตามองและได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะนาฬิกาเป็นมากกว่าเครื่องบอกเวลา และอาจจะกลายเป็นสื่อกลางในการนำไปสู่หัวข้อสนทนากับคนอื่นๆ ที่มีความชอบเหมือนกันได้
-Santos de Cartier : 2024 จะเป็นช่วงเวลาครบ 120 ปีที่ Louis Cartier ออกแบบ Santos de Cartier นาฬิกาที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นในปี 1904 เพื่อให้ Alberto Santos-Dumont มีนาฬิกาสำหรับบอกเวลาในระหว่างที่เขาจะต้องขึ้นบิน และแน่นอนว่านี่คือการปฏิวัติการออกแบบนาฬิกายุคใหม่ และถือเป็นนาฬิกาข้อมือสไตล์ร่วมสมัยเรือนแรก ด้วยการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมสกรูที่มองเห็นได้และรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ดูโฉบเฉี่ยว โดยถูกนำมาปรับให้เข้ากับยุคสมัยนับตั้งแต่การรังสรรค์ครั้งแรกขณะที่ยังคงรักษาแรงบันดาลใจอันเหนือขอบเขตของเรือนเวลาไว้ได้อย่างแท้จริง จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
4.นาฬิกาที่มีสีสันสวยสะดุดตา : นาฬิกาเป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวตนในด้านต่างๆ ทั้งความชอบ ไลฟ์สไตล์ และบุคลิก ดังนั้น การเลือกนาฬิกาไม่ได้ถูกตีกรอบอยู่แค่แบรนด์ แต่ยังอยู่ที่ดีไซน์ และคอนเซ็ปต์ที่แบรนด์นั้นๆ นำเสนอออกมาว่าตรงใจหรือโดนใจหรือไม่ ที่สำคัญ คือ การสะท้อนถึงตัวต้นที่ชัดเจนของผู้สวมใส่ และการสร้างความโดดเด่นเมื่อเวลาที่นาฬิกาเรือนนั้นถูกสวมใส่บนข้อมือ
-Franck Muller Vanguard Beach : สีสันไม่ใช้เรื่องที่ถูกปฏิเสธอีกต่อไปสำหรับการสวมใส่นาฬิกาของใครหลายคน และ Franck Muller ได้สร้างสรรค์นาฬิกาในคอลเล็กชั่น Vanguard Beach ออกมาทั้งสีแดงเพลิง (fiery red) ฟ้าน้ำทะเล (ocean blue) และซัมเมอร์กรีน (summer green) นอกจากสีสันที่สดใสแล้วยังโดดเด่นด้วยลวดลายบนตัวเรือนที่เหมือนกับระลอกคลื่นที่ทิ้งไว้บนหาดทราย ตัวเรือนทำจากกลาสไฟเบอร์คอมโพสิตซึ่งเป็นวัสดุอันสมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างสรรค์ตัวเรือนนาฬิกาที่มีน้ำหนักเบา แต่ทนทานสูงจึงทำให้ Vanguard Beach เหมาะสำหรับทุกๆ โอกาสได้อย่างแน่นอน เพื่อสะท้อนถึงความมีชีวิตชีวาของชายหาดแห่งความเป็นไปได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
5.นาฬิกา Limited Edition : ความแตกต่างและไม่เหมือนใครคือ สิ่งที่หลายคนแสวงหา และในนาฬิกาก็เช่นกัน นาฬิกาที่เป็น Limited Edition ยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีการผลิตไม่มากนัก เพราะคนรักนาฬิกายุคนี้ไม่ชอบอะไรที่ซ้ำและเหมือนคนทั่วไป นอกจากนั้น ในเรื่องของจำนวนการผลิตที่ไม่มากนัก ยังส่งผลต่อเนื่องต่อความนิยมในอนาคตได้อีกด้วย
-Bell & Ross BR 01 Cyber Skull Sapphire Ice Blue : มากับความพิเศษกับตัวเรือนที่ผลิตจากแซฟไฟร์ ที่ผ่านการขัดให้มีหลายเหลี่ยมมุม และตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร สำหรับการผลิตตัวเรือนนั้นถือว่าต้องใช้เทคนิคขั้นสูง ขับเคลื่อนด้วยกลไก ไขลานในรหัส BR-CAL.209 โดยเป็นกลไกที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อการใช้งานสำหรับนาฬิกาเรือนนี้โดยเฉพาะ และมีการผลิตเพียง 25 เรือนเท่านั้น
