สำหรับ Omega แล้ว ปี 1957 ถือว่ามีความสำคัญ และนับเป็นช่วงเวลาหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์บน Timeline ของแบรนด์ เพราะนี่คือปีที่พวกเขาได้เปิดตัวนาฬิการุ่นหนึ่งออกสู่ตลาด ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่ที่ไม่เฉพาะกับ Omega เท่านั้น แต่ยังรวมถึงมวลมนุษยชาติของโลกในเวลาต่อมาอีกด้วย
ปีค.ศ.1957 มีการเปิดตัว Speedmaster ออกมาเป็นครั้งแรกในรหัส CK2915 และในอีก 12 ปีต่อมา ผลผลิตที่เป็นรุ่นใหม่ของคอลเล็กชั่นนี้อย่าง Speedmaster Professional ได้ติดข้อมือของนักบินอวกาศของโครงการ Apollo 11 ไปสัมผัสบรรยากาศของดวงจันทร์ และได้ทำให้ชื่อนี้กลายเป็นความหมายเดียวกับความสำเร็จในการเดินทางสู่อวกาศจนกระทั่งหลายคนเรียกว่า Moonwatch
แน่นอนว่าความสำเร็จในการเดินทางไปสู่ดวงจันทร์ได้รับการจดจำ แต่ก็ไม่มีใครลืมถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวนานของชื่อ Speedmaster โดยในปี 2013 ทาง Omega ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษที่ถือเป็นงานสร้างสรรค์ใหม่เพื่อสอดรับกับยุคใหม่แต่ยังคงความคลาสิคของนาฬิการุ่นดั้งเดิมอย่าง Speedmaster CK2915 แน่นอนว่า นาฬิการุ่นนั้นคือ Speedmaster’ 57 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนกระทั่งในอีก 10 ปีต่อมา ความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
Speedmaster’ 57 รุ่นใหม่ถูกเปิดตัวออกมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่สอดรับกับยุคสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลง ขนาดตัวเรือนเล็กลง และบางลง ดีไซน์มีการปรับเปลี่ยนเพื่อความลงตัวขึ้นแต่ยังคงรากเหง้าของความคลาสสิคที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อ 65 ปีที่แล้ว และที่สำคัญ กลไกที่ถือเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
8 รุ่นย่อยถูกเผยโฉมออกมาสำหรับคอลเล็กชั่นปี 2022 ของ Speedmaster’ 57 ซึ่งความต่างทั้งหมดอยู่ที่สีสันของหน้าปัด ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายขึ้น นั่นคือหน้าปัดแบบ PVD แบบเคลือบเงาที่เป็นสีใหม่สำหรับนาฬิการุ่นนี้ เช่น สีแดงเบอร์กันดี น้ำเงิน เขียว แต่รุ่นที่น่าสนใจที่สุดคือ สีดำ ซึ่งจะมาในรูปแบบของหน้าปัดที่เรียกว่า Sandwich ซึ่งมีกระบวนการผลิตและการสร้างสรรค์ที่ซับซ้อน มีการใช้หน้าปัด 2 ชุดประกบกันเพื่อให้เกิดร่องของหลักชั่วโมง และบรรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova แบบวินเทจลงไป เพิ่มความสวยสะดุดตาและมิติของหน้าปัดให้ดูมีความชัดลึกมากขึ้น
ทั้ง 4 สีจะมาพร้อมกับทางเลือกของสายหนัง หรือสายโลหะเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้สวมใส่ และแน่นอนว่ายังมีรายละเอียดที่แสดงการเคารพตัวตนด้านประวัติศาสตร์อวกาศของ Speedmaster สายนาฬิกาสตีลได้รับแรงบันดาลใจจากสายนาฬิการุ่นพิเศษที่ผลิตเพื่ออุทิศให้กับ Apollo 11 และเปิดตัวในปี 2019 ซึ่งสายรุ่นนั้นได้รับการติดตั้งระบบปรับสายที่จดสิทธิบัตรของ Omega สามารถปรับได้อย่างละเอียดถึง 2 ตำแหน่งโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ และสามารถขยายความยาวของสายนาฬิกาได้อีก 2.3 มิลลิเมตร
อีกความเปลี่ยนแปลงสำคัญของตัวนาฬิกาคือ การเปลี่ยนแปลงในด้านมิติตัวเรือน เส้นผ่านศูนย์กลางจาก 41.5 มิลลิเมตรในรุ่นเดิมมาอยู่ที่ 40.5 มิลลิเมตรในรุ่นใหม่ ซึ่งการใช้ไซส์นี้ยังทำให้ Speedmaster ’57 ใหม่มีขนาดใกล้เคียงกับนาฬิการุ่นที่ถูกยึดเป็นแบบในการพัฒนา นั่นคือ 1957 CK2915 อีกทั้งยังมีความหนาของตัวเรือนลดลงด้วย โดยมาอยู่ที่ 12.99 มิลลิเมตรบางกว่า Moonwatch รุ่นล่าสุดถึง 0.59 มิลลิเมตร
ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องความหนาของตัวเรือนเป็นผลมาจากการเปลี่ยนจากกลไกอัตโนมัติในรุ่นที่แล้วมาเป็นกลไกไขลานในรหัส OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 9906 มาพร้อมความเที่ยงตรงในระดับ Master Chronometer ที่ผ่านการรับรองโดย METAS สามารถจับเวลาได้สูงสุด 12 ชั่วโมง และมีกำลังสำรอง 60 ชั่วโมง พร้อมความสวยงามของชิ้นส่วนที่คุณสามารถสัมผัสและชื่นชมได้ผ่านทางฝาหลังใสของตัวนาฬิกา ทั้งโรเตอร์และบริดจ์ชุบโรเดียมขัดมุม พร้อมลาย Arabesque Geneva Waves
ในแง่ของการออกแบบนั้น Speedmaster’ 57 รุ่นปี 2022 ยังคงเอกลักษณ์และการออกแบบที่ถอดแบบมาจาก Speedmaster CK2915 รุ่นดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นขอบตัวเรือนแบบสแตนเลสสตีลและสลักสเกลของ Tachymeter ลงไปบนขอบตัวเรือน พร้อมกับสัญลักษณ์ DON หรือ Dot Over Ninety ซึ่งตรงตัวเลข 90 หลักวงกลมจะอยู่เหนือตัวเลข ไม่ได้อยู่ด้านข้าง ชุดเข็มชั่วโมงทรง Board Arrow เป็นแบบชุบโรเดียมขัดเงาแบบไดมอนด์ บรรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova ขณะที่เข็มอื่นๆ ถูกออกแบบอย่างสวยงามและเป็นแบบชุบโรเดียมขัดเงาแบบไดมอนด์ด้วยเช่นกัน
ถ้าความต้องการของคุณคือ นาฬิการุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมของโลกแห่งเรือนเวลา แต่ยังคงกลิ่นอายและความคลาสสิคที่อ้างอิงจากนาฬิกาที่โด่งดังในอดีต แน่นอนว่า Omega Speedmaster 57 รุ่นปี 2022 คือ ทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมากและมองข้ามไม่ได้เลย ทั้งชื่อเสียงของแบรนด์ การออกแบบ ความประณีตของการขัดแต่งบนตัวเรือนและรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่บนตัวนาฬิกา กลไกที่มีความเที่ยงตรง และที่ขาดไม่ได้คือ สตอรี่ ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ
รายละเอียดทางเทคนิค : OMEGA Speedmaster ’57
เส้นผ่านศูนย์กลาง : 40.5 มิลลิเมตร
ความหนา : 12.99 มิลลิเมตร
Lug to Lug : 49.6 มิลลิเมตร
ความกว้างขาสาย : 20 มิลลิเมตร
วัสดุตัวเรือน : สแตนเลสส
กระจก : Sapphire ทรง Box-Shaped
กลไก : 9906 แบบไขลาน Co-Axial มีความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer
ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
กำลังสำรอง : 60 ชั่วโมง
การกันน้ำ : 50 เมตร
