เห็นได้ชัด จากคำพูดที่ว่า ‘น้อยคือมาก’ นั้นอาจจะไม่เป็นจริงเสมอไป ดั่งที่ Rolex ได้มีผลงานปรากฏให้เห็นในเวอร์ชั่น Rolesor สิ่งที่เรียกว่า ‘มาก’ สำหรับ Rolex นั้นหมายถึง สิ่งที่ทำให้ผู้สวมใส่นาฬิการู้สึกภูมิใจและปลาบปลื้มในนาฬิกาที่ตนสวมใส่ โดยนาฬิกาเหล่านี้ทำขึ้นจากการผสมผสานโลหะอัลลอยด์สองชนิดที่แตกต่างกันลงในนาฬิกาแต่ละเรือนได้อย่างลงตัว
ชื่อของ ‘Rolesor’ นั้น โรเล็กซ์ได้ทำการจดสิทธิบัตรในปี 1933 โดยเป็นสัญลักษณ์ทางการค้า ในภาษาฝรั่งเศสที่มีความหมายว่า ‘ทอง’ ซึ่ง Rolesor ของ Rolex นั้นหมายถึงนาฬิกาที่ทำจากโลหะผสม อาทิ Oystersteel กับ ทองคำ 18 กะรัต ทองคำขาว หรือทองคำชนิดพิเศษของแบรนด์อย่างเอเวอร์โรสโกลด์ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบกับการใช้ชื่อเฉพาะอย่าง yellow Rolesor white Rolesor และ Everose Rolesor ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงโลหะผสมดังกล่าว โดยนับตั้งแต่การเปิดตัวนั้น Rolesor ได้กลายมาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบอันโดดเด่นที่บ่งบอกถึงนาฬิกาของแบรนด์ กลายเป็นเอกลักษณ์ของ Rolex อย่างแท้จริง
ที่สุดของทั้งสองโลก
ความสวยงามและความเงางามของโลหะทั้งสองนั้น ช่วยยกระดับตัวตนและสร้างความแตกต่างให้กับนาฬิกา Rolesor นั้นล้ำลึกมากกว่าที่เห็น เบื้องหลังของนาฬิกา Rolesor ทุกเรือน คือมีการผสมผสานของชิ้นส่วนโลหะสองชนิดที่ผลิตขึ้นทำตามแม่แบบทุกขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ ขอบหน้าปัด เม็ดมะยม และสายนาฬิกาข้อต่อเชื่อมกลางที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต ซึ่งส่วนกลางและข้อต่อด้านนอกนั้นทำขึ้นจากOystersteel
นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมคุณภาพของวัสดุที่ใช้ในการผลิตตามมาตรฐานที่เข้มงวด Rolex ได้ทำการพัฒนา Oystersteel สำหรับการใช้งานตั้งแต่ปี 1985 ซึ่งขึ้นตอนในการผลิตโลหะชนิดนี้ต้องใช้มาตรฐานที่สูงสุดเริ่มตั้งแต่การตรวจเช็คคุณภาพของอย่างละเอียด ไปจนถึงการพัฒนาเครื่องมือให้มีมาตรฐานสูงเพื่อใช้ในการตัด การหลอม การประทับตรา และการขัดเงาโลหะ
Oystersteel นั้นใช้เสตนเลสสตีล904L ซึ่งเป็นโลหะชั้นสูงสุดที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินอวกาศและอุตสาหกรรมเคมี โดยที่โลหะเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษในการทนทานสูงสุดต่อการกัดกร่อน Oystersteel ยังมีชื่อเสียงอย่างสูงที่นำมาใช้คู่กันกับนาฬิกา Rolesor ได้อย่างสวยงามและลงตัวอย่างยิ่ง
เช่นเดียวกันทั้งทองคำ 18 กะรัต ทองคำขาว และเอเวอร์โรสโกลด์ ที่นำมาใช้ในการผลิตนาฬิกานั้น จะต้องผ่านการคัดเลือกตามขั้นตอนการผลิตและคุณภาพอย่างเข้มงวด การกำหนดส่วนผสมของสัดส่วนและการแปรธาตุของทองคำและโลหะแต่ละชิ้นได้รับการคิดค้นสูตรพิเศษโดย Rolex ซึ่งสร้างขึ้นในโรงหล่อของแบรนด์ และได้รับการตรวจสอบที่ห้องปฏิบัติการภายในซึ่งมีอุปกรณ์ล้ำสมัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผสมผสานของ Oystersteel และ ทองคำ 18 กะรัต ของ Rolex แต่ละชิ้นที่ผลิตขึ้นมานั้น ได้ถูกผลิตโดยใช้มาตรฐานสูงสุดเพื่อให้ออกมาทั้งสวยงามและเลอค่า เมื่อรวมสายนาฬิกากับตัวเรือนเข้าด้วยกันแล้ว นาฬิการุ่น Rolesor นั้นดูแตกต่างอย่างมีคุณค่าหลากหลายมิติในเวลาเดียวกัน
เมื่อนำมารวมกัน
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกา Rolesor มีให้ได้เลือกถึงสองรุ่นใหม่ในปีนี้ สำหรับสุภาพบุรุษ มีรุ่น Oyster Perpetual Submariner Date ที่ทำจาก yellow Rolesor การผสมผสานระหว่าง Oystersteel กับทองคำ 18 กะรัต โดยหน้าปัดตัวเรือนจะเป็นสีรอยัลบลูขัดเงาแบบสะท้อนแสง การจับคู่กันของสีน้ำเงินรอยัลบลู ทองคำ และโลหะนั้นทำให้เกิดความแตกต่างอย่างลงตัวของนาฬิการุ่น Submariner Date ที่ช่วยเพิ่มลุคสปอร์ตผสมความหรูหราได้อย่างโดดเด่นงดงาม
ในขณะเดียวกัน คุณสุภาพสตรีจะต้องหลงใหลไปกับนาฬิกา Oyster Perpetual Datejust 31 ที่ทำจาก white Rolesor อันเป็นส่วนผสมของ Rolesor ที่งดงามและลงตัวมากที่สุด การผสมผสานระหว่าง Oystersteel กับ ทองคำขาว 18 กะรัต นั้นได้รับการขัดเกลาอย่างโร้ที่ติ ด้วยการขัดเงาแบบด้าน (satin-brushed finishes) ทั้งตัวเรือนและสาย ทำให้นาฬิกามีความสง่างามและน่าค้นหา
และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมอีกมากมายให้เลือกสรรตามความหรูหราตามรสนิยม เช่น รุ่นหน้าปัดเป็นสีม่วงเข้มคู่กับสาย Oyster ขอบหน้าปัดประดับเพชร brilliant-cut 46 เม็ด และยังมีอีกสองรุ่นรองลงมา แต่ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน ได้แก่ รุ่นหน้าปัดสีเขียวมินต์ และหน้าปัดสีเทาเข้ม โดยใช้สายนาฬิกา Jubilee อันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Rolex และเติมเต็มคอลเลกชันนี้กับนาฬิการุ่นที่มีเสน่ห์ด้วยหน้าปัดสีขาวเคลือบแลคเกอร์ มาพร้อมตัวเลขโรมันที่ทำจากทองคำขาว 18 กะรัต
ส่วนของภายในตัวเรือนนั้นน่าประทับใจไม่แพ้ตัวเรือนด้านนอก นาฬิกา Oyster Perpetual Datejust 31 นี้ ใช้กลไกคาลิเบอร์ 2236 เทคโนโลยีแถวหน้าของการผลิตนาฬิกา ทำให้การบอกเวลาไร้ข้อผิดพลาด รวมถึงประหยัดพลังงาน และทนต่อแรงกระแทกได้อย่างสูงสุด
นับตั้งแต่ Rolex ได้เปิดตัว Rolesor ในปี 1948 กับนาฬิกา Oyster Perpetual Datejust นั้น น้อยคนนักที่จะจินตนาการได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของแบรนด์ที่นำเอาสองโลหะที่มีความแตกต่างมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ซึ่งเห็นได้จากความสำเร็จอันยาวนานของการสรรสร้าง Rolesor ที่เหล่าบรรดานักสะสมและคนรักนาฬิกาต่างตั้งตารอคอยการการนำเสนอ Rolesor รูปแบบใหม่ในทุก ๆ ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม Rolex timepieces.
Related read:
Taking Flight With The Rolex Oyster Perpetual Sky-Dweller
A Deep Dive Into The Rolex Oyster Perpetual Submariner And Oyster Perpetual Submariner Date