หน้าแรก // ข่าวสาร // เสียงแห่ง Bvlgari:......

เสียงแห่ง Bvlgari: ในงานแสดงนาฬิกา Geneva Watch Days 2024

Bvlgari Octo Roma Carillon Tourbillon 103933 Cortina Watch Featured Image

ความล้ำค่า และเอกลักษณ์ที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวเหมือนตัวโน้ตที่ถูกบรรเลงผ่านบทเพลงซิมโฟนีแห่งกาลเวลาอันยิ่งใหญ่

ด้วยหลักการนี้ Bvlgari สร้างสรรค์เรือนเวลาที่ถูกประดับด้วยอัญมณีอันล้ำค่าให้กลายเป็นนาฬิกาที่มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของการใช้งาน และเครื่องประดับชิ้นพิเศษ โดยกำหนดรูปแบบจากช่างนาฬิกาที่มีความเชี่ยวชาญด้านกลไก และช่างอัญมณีที่มีความพิถีพิถัน จนทำให้แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาแห่งนี้เป็นเหมือนการผสมผสานความชำนาญด้านการผลิตนาฬิกาในแบบของชาวสวิสกับความงดงามในมุมมองของชาวอิตาเลี่ยน งานฝีมือที่ต้องอาศัยช่างนาฬิกาที่มีทักษะระดับสูง ก่อกำเนิดผลงานสร้างสรรค์อันกล้าหาญพร้อมความสง่างามเหนือกาลเวลา การผลิตนาฬิกาด้วยจิตวิญญาณที่ล้ำลึกแบบโรมันได้ขยายขอบเขตของงานศิลปะให้ก้าวข้ามทุกจินตนาการ

หัวใจของเสียงแห่ง Bvlgari (Sound of Bvlgari) ประกอบด้วยคอลเลคชั่น Octo Roma, Octo Finissimo, Bvlgari Aluminium และ Serpenti Pallini ที่ได้รับการพัฒนาในรูปแบบเฉพาะตัว เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์เหมือนกับท่วงทำนองดนตรีที่ถูกบรรเลง

ความซับซ้อนของระบบกลไกที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการสร้างสรรค์ ทำให้เสียงระฆังของ Octo Roma Grande Sonnerie ก้องกังวานเข้าถึงจิตวิญญาณ นับเป็นนาฬิกาที่มีระบบกลไกซับซ้อนมากที่สุดเท่าที่ Bvlgari เคยผลิต โดยราชินีแห่งระบบกลไกที่ซับซ้อน (Queen of Complications) ของวงการนาฬิกาโลก จะมีฟังก์ชั่นระฆังตีบอกเวลา Minute Repeater ประกอบด้วยค้อน 4 ตัว เพื่อตีบอกเวลาที่ได้รับการปรับแต่งเสียง และประพันธ์ขึ้นโดย Lorenzo Viotti วาทยกรชาวอิตาเลี่ยน-สวิส นาฬิกาที่มหัศจรรย์เรือนนี้มาพร้อมหน้าปัดโลหะแบบโปร่งที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ พร้อมทั้งการสร้างทำนองใหม่ของเสียงระฆังด้วยการเพิ่มคู่เสียง ‘Tritone’ หนึ่งในรูปแบบเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของดนตรีคลาสสิก 

ความใสราวกับผลึกแก้ว และความสมบูรณ์คมชัดของโน้ตดนตรีที่บรรเลงจาก Octo Roma Carillon Tourbillon เกิดขึ้นจากทำงานร่วมกันของ 2 ระบบกลไกที่ซับซ้อน สามารถมองผ่านหน้าปัดที่เหมือนการแสดงบัลเลต์คู่กับกลไกตูร์บิญง (Tourbillion) และกลไก Minute Repeater ประกอบด้วยค้อน 3 ชิ้น เพื่อทำหน้าที่ตีระฆังบอกเวลาแก่ผู้ครอบครอง

ทั้งหมดนี้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกของความประณีตบรรจง และความกลมกลืนของเสียงดนตรีกับงานวิศวกรรม โดย Octo Finissimo Minute Repeater Carbon ยังผสมผสานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Octo Finissimo รวมทั้งกลไกเสียงระฆังบอกเวลาอันซับซ้อนที่สามารถเลือกเป็นทุกชั่วโมง, ทุก 15 นาที หรือกำหนดตามความต้องการของผู้สวมใส่

   อีกหนึ่งรุ่นที่ผลิตจำนวนจำกัด Bvlgari Aluminium GMT x Fender® Limited Edition เปรียบเสมือนความมีชีวิตชีวาของบทเพลงที่ข้ามกาลเวลา และเขตเวลา เป็นข้อพิสูจน์ของพลังดนตรีที่เป็นสากลของผู้คนทั่วโลก กลายเป็นที่มาของความร่วมมือสุดพิเศษระหว่าง Bvlgari กับ Fender Custom Shop ด้วยการนำ Bvlgari Aluminium และ Stratocaster 2 โปรดักส์ที่เป็นสัญลักษณ์จากต่างวงการมาร่วมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีของผู้ผลิตกีตาร์ไฟฟ้าระดับตำนาน

เสียงกระทบที่แสดงถึงความละเอียดอ่อนของการประดับทองคำเม็ด และอัญมณีจำนวนมากบน Serpenti Pallini High Jewellery ซุกซ่อนอยู่รอบข้อมืออย่างเย้ายวน การสลับวางโทนทองคำสีเหลือง, สีชมพู และสีขาวที่อยู่ภายใต้ความเปล่งประกายของเพชรที่อยู่ส่วนบน และด้านปลาย โดย Serpenti Pallini โมเดลที่เป็นสัญลักษณ์ของคอลเลคชั่นในปัจจุบันจะขับเคลื่อนด้วยระบบกลไก Piccolissimo ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นเอง – ความมหัศจรรย์ของการปรับย่อขนาดกลไกที่ทำให้ Bvlgari ปรับเปลี่ยนเส้นสาย และสัดส่วนของ Serpent นาฬิกาที่เป็นไอคอนของพวกเขาสู่อีกระดับ

เรือนเวลาแห่งเสียงเพลงออร์เคสตร้า

การบรรเลงทั้งแบบดูโอ, ทรีโอ และควอร์เต็ต – Bvlgari ประพันธ์บทเพลงซิมโฟนีแห่งเรือนเวลาด้วยการเพิ่มความซับซ้อนของเสียงประสานให้ครอบคลุมเสียงระฆังบอกเวลาของนาฬิกาไม่ว่าจะเป็นการตีบอกเวลา 2 ครั้ง, 3 ครั้ง หรือ 4 ครั้ง เพื่อบอกนาทีหรือตีบอกชั่วโมงอัตโนมัติ  โดยนาฬิกา Octo Roma รุ่นใหม่จะสามารถเล่นช่วงเสียง Tritone ที่ถูกสร้างขึ้นจากการร่วมมือระหว่าง Bvlgari กับ Lorenzo Viotti วาทยกรชาวอิตาเลี่ยน-สวิส

Octo Roma Grande Sonnerie Tourbillon และ Octo Roma Carillon Tourbillon จะเป็นการสร้างภูมิทัศน์ทางเสียง (Soundscape) รูปแบบใหม่ของ Bvlgari คุณภาพของเสียงดนตรีที่ออกจากกลไกระฆังบอกเวลาในนาฬิกาใช้พื้นฐานจากบทเพลงใหม่ที่ถูกนำมาใช้เพื่อท้าทายเสียงรูปแบบเดิม นั่นคือเสียงแบบ Tritone การเรียบเรียงเสียงที่ซับซ้อนในนาฬิกาที่สามารถสร้างเสียงบอกเวลา จนทำให้พวกเขาค้นพบโทนเสียงคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ ในฐานะแบรนด์ที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมโรมันที่เก่าแก่ผสมผสานกับศิลปะสมัยบาโรก Bvlgari ผสมผสานทุกอย่างเพื่อสร้างอาณาจักรของพวกเขาที่ไม่ถูกจำกัดด้วยการเรียบเรียงดนตรีในรูปแบบดั้งเดิม แต่เป็นการสร้างแก่นสำคัญในส่วนหนึ่งของดนตรีคลาสสิก 

ความเชี่ยวชาญด้านการสร้างเสียงดนตรีที่สอดประสานกันอย่างลงตัวของ Bvlgari แสดงความโดดเด่นผ่านกลไกอันล้ำค่าที่ถูกประกอบลงในตัวเรือน Octo Roma รวมทั้งความยอดเยี่ยมของระบบกลไก Grand Complication ของ Bvlgari เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้นาฬิกาตีระฆังบอกเวลาทั้ง 2 เรือนที่กล่าวถึงข้างต้น Bvlgari เตรียมนำเสนอ Octo Finissimo Minute Repeater รุ่นใหม่ที่ตัวเรือนจะผลิตด้วยวัสดุคาร์บอนให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องดนตรีแห่งอนาคตพร้อมได้รับการบันทึกสถิติเป็นนาฬิกาที่มีเสียงระฆังบอกเวลาที่มีขนาดบางที่สุดเท่าที่เคยมีมา

Bvlgari 2024_Octo Finissimo Minute Repeater Carbon_103986_Cortina Watch

บทเพลงที่ถูกบรรเลง

ช่างผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงอะคูสติกของ Bvlgari ยากจะหาใครเทียบได้ จนทำให้พวกเขากลายเป็นแบรนด์ที่มีความโดดเด่นในการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือพร้อมเสียงระฆังบอกเวลาได้ถึง 3 รูปแบบในซีรีส์ และความพิเศษของเสียงระฆังบอกเวลาถูกสร้างขึ้นจากทักษะพิเศษของช่างทำนาฬิกาที่มีประสบการณ์ และความชำนาญเฉพาะด้านที่มีเพียงไม่กี่คน โดย Antoine Pin กรรมการผู้จัดการของ Bvlgari Watches กล่าวว่า “นับเป็นโอกาสสำคัญอย่างมากที่ได้แสดงให้เห็นการสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยมจากทีมงานด้านเสียงของเรา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทีมงานเทคนิคของเราสร้างโอกาสนี้ขึ้นมาเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญพิเศษด้านอะคูสติกของนาฬิกา นับเป็นความเชี่ยวชาญที่เติมเต็มความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ให้เราอย่างแท้จริง” 

  เสียงระฆังบอกเวลาในรุ่น Minute Repeater จะมี 2 โทนเสียง, Carillon เพิ่มเป็น 3 โทนเสียง และ 4 โทนเสียงในรุ่น Grande กับ Petite Sonnerie โรงงานผลิตของ Bvlgari ในเมืองเลอ เซนเตียร์ จะเป็นผู้ควบคุมกลไกภายในเรือนเวลาที่บรรเลงบทเพลงเหล่านั้นออกมา สำหรับ Grande Sonnerie ระบบกลไก BVV 800 Calibre ที่อยู่ในนาฬิกา Octo Roma Grande Sonnerie Tourbillon จะตีบอกเวลาอัตโนมัติทุกชั่วโมง และทุก 15 นาที รวมทั้งตีบอกเวลาซ้ำทุกชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถตั้งให้ตีบอกเวลาทุกชั่วโมง, 15 นาที หรือกำหนดเวลาตามต้องการ โดยระฆังบอกเวลาจะประกอบด้วยฆ้อง และค้อนอย่างละ 4 ชิ้น ตามความหมายของชื่อ

ในขณะที่เสียงระฆังของ Octo Roma Carillon Tourbillon จะตีบอกเวลาชั่วโมง, 15 นาที และนาทีตามที่ถูกกำหนด โดยการตีบอกเวลาทุก 15 นาทีจะใช้เสียง 3 ตัวโน้ตที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนกลไกภายใน BVL428 Calibre Carillon หลังจากเมื่อปี 2016 Bvlgari นำเสนอนาฬิกา Minute Repeater ตัวเรือนบางที่สุดในโลก โดยระฆังบอกเวลาจะมี 2 โทนเสียงที่ได้รับการบันทึกลงในชุดกลไกที่มีความบางเพียง 3.12 มม. และในช่วงปลายปี 2024 Bvlgari จะนำนาฬิกาพร้อมเสียงระฆังบอกเวลาทั้ง 3 โมเดลกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมสัมผัสเครื่องดนตรีในรูปแบบของเรือนเวลาที่พร้อมจะบรรเลงท่วงทำนอง… จากข้อมือของผู้ครอบครอง

Bvlgari 2024_Octo Roma Grande Sonnerie Tourbillon_103962_Cortina Watch

ท่วงทำนองที่เป็นหนึ่งเดียว

แกนหลักของบทประพันธ์ใหม่คือ Tritone ช่วงเสียงที่มีบทบาทโดดเด่นในประวัติศาสตร์ดนตรีโลก โดยเรียกอีกอย่างว่าขั้นคู่เสียง Augmented Fourth หรือ Diminished Fifth การเลือกใช้โทนเสียงที่แตกต่างเป็นการนำเสนอแนวความคิดแบบใหม่ที่เป็นผลงานที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Bvlgari และ Lorenzo Viotti โดยวาทยกรที่เกิดในเมืองโลซานน์ เพิ่งจะมีอายุเพียง 34 ปี แต่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำวง Netherlands Philharmonic Orchestra, Netherlands Chamber Orchestra และหัวหน้าวาทยกรของโรงละคร Dutch National Opera “หลายครั้งคู่เสียง Tritone เป็นที่รู้จักในชื่อ ‘คู่เสียงปีศาจ’ ด้วยการเล่นโน้ตที่ห่างกัน 6 ครึ่งเสียงหรือ 3 เสียงเต็ม” Viotti อธิบายหลักทฤษฎีดนตรี “โดยจะแบ่งเป็นครึ่งเสียง ทำให้เกิดความรู้สึกไม่เข้ากัน และความตึงเครียด” 

ในขณะที่ทุกองค์ประกอบของการออกแบบ Octo Roma Grande Sonnerie Tourbillon และ Octo Roma Carillon Tourbillon มีความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว และความพิถีพิถันของการจัดวางอย่างสมมาตร ภูมิทัศน์เสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของพวกเขาสร้างความแตกต่างทางเสียงที่น่าสนใจ “ความตั้งใจของการผสมผสานโน้ตเหล่านี้อยู่บนพื้นฐานของความไม่สอดคล้อง และความตึงเครียดที่เกิดจากคู่เสียง Tritone” Viotti พูดถึงการสร้างสรรค์บทประพันธ์ชิ้นนี้ “เป็นความตรงกันข้ามอย่างมากกับความชอบของยุคใหม่สำหรับคู่เสียงที่มีความลื่นไหล ในสัญลักษณ์ของยุคกลาง บางคอร์ดจะมีความเชื่อมโยงกับแนวคิดทางจิตวิญญาณ Tritone กลายเป็นเหมือนคู่เสียงที่สร้างการรบกวน และความไม่สมมาตรของเสียง เป็นการขัดต่อหลักศาสนาที่สะท้อนถึงความเชื่อในพระเจ้าที่เป็นหนึ่งเดียว – จนกลายเป็นที่มาของฉายาที่ถูกเชื่อมโยงว่าเป็นผลงานของซาตาน”

Bvlgari 2024_Octo Roma Carillon Tourbillon_103933_Cortina Watch

รูปแบบที่แตกต่างของโทนเสียง

คู่เสียง Tritone สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในโครงสร้างบทเพลง การเพิ่มบรรยากาศเคร่งเครียดที่ถูกนำมาใช้จากนักแต่งเพลงมากมายตั้งแต่ Gesualdo จนถึง John Coltrane และจาก Stravinsky จนมาถึง Metallica ทำลายกฏเกณฑ์ดนตรีคลาสสิกของศาสตร์การสร้างนาฬิกาพร้อมระฆังตีบอกเวลา Bvlgari สร้างรูปแบบใหม่ด้วยความร่วมมือทางเทคนิค และพรสวรรค์ของการสร้างงานศิลปะจากอัจฉริยะทางดนตรี แม้ว่าจะมีโน้ตเพียง 4 ตัวใน Grande Sonnerie ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งโทนเสียงตามระฆังของหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่แตกต่างจากเสียงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ โดยระฆังบอกเวลาทุก 15 นาทีจะมีเสียง 4 แบบที่ไม่คุ้นเคย, น่าค้นหา และโน้ตที่มีเอกลักษณ์ ถือเป็นวิธีเรียกความสนใจจากผู้สวมใส่ และนับเสียงการตีบอกเวลา การเลือกใช้คู่เสียง Tritone ที่มีความไม่เข้ากันช่วยย้ำเตือนได้อย่างตัวสำหรับนาฬิกาที่มีความพิเศษในการบอกเวลาด้วยเสียงระฆัง

 ในขณะที่เครื่องดนตรีอย่างไวโอลิน และเปียโน ผ่านการเดินทางที่ยาวไกลจากต้นกำเนิดที่ใช้ไม้เป็นส่วนประกอบหลักมาสู่วัสดุทางเทคนิคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่นเดียวกับ Bvlgari กำลังพานาฬิกาพร้อมเสียงระฆังบอกเวลาก้าวสู่อีกระดับด้วยวัสดุใหม่ในการผลิต โดย Octo Roma Grande Sonnerie Tourbillon ถูกสร้างขึ้นด้วยความประณีตจากวัสดุไทเทเนียม, Octo Roma Carillon Tourbillon ผลิตจากทองคำโรสโกลด์ และ Octo Finissimo Minute Repeater ใช้วัสดุ CTP (Carbon Thin Ply) วางซ้อนกันหลายชั้นทำให้มีน้ำหนักเบาพิเศษ แต่คงทนแข็งแรง 

  ความสามารถในการสะท้อนเสียง และแยกโทนเสียงที่หลากหลายของคอร์ดเมเจอร์ และไมเนอร์จากวัสดุทั้ง 3 ชนิดนี้ เป็นเพียงหนึ่งในคุณสมบัติพิเศษเหมือนในเวลาที่ Lorenzo Viotti ควบคุมวงดนตรีของเขาบรรเลงบทเพลงของ Brahms, Wagner หรือ Dvořák เป็นการแสดงให้เห็นความเชี่ยวชาญของ Bvlgari ในการผสมผสานวัสดุ, เทคนิค และอารมณ์จนกลายเป็นเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาในปัจจุบัน

การเปิดตัว The Bvlgari Aluminium GMT X Fender® Limited Edition

เมื่อนักเดินทางท่องโลกยุคใหม่พบตำนานดนตรีข้ามกาลเวลา BVLGARI Aluminium GMT สร้างริฟฟ์ร่วมกับ Stratocaster หนึ่งในกีตาร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของวงการเพลงระดับโลกที่ถูกสร้างขึ้นโดย Fender เมื่อปี 1954 โดยนาฬิกาที่ผลิตจำนวนจำกัด 1,200 เรือน BVLGARI Aluminium GMT x Fender® Limited Edition ถ่ายทอดรูปแบบจากกีตาร์ Stratocaster รุ่นแรกโทนสีน้ำตาล Sunburst และสีขาวครีม 

  ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้จะมีชุดเอ็กซ์คลูซีฟฉลองครบรอบ 140 เซ็ต ออกจำหน่าย พร้อมกับกีตาร์ที่ทำขึ้นพิเศษ 70 ตัวจากช่างฝีมือประสบการณ์สูงของ Fender Custom Shop – โดยคาดว่าทั้ง 2 สิ่งนี้จะสร้างความตื่นเต้นให้บรรดานักสะสมทั่วโลก เพื่อร่วมฉลองให้เรื่องราวอันยิ่งใหญ่ และความคิดสร้างสรรค์ที่พิเศษ 

  นับตั้งแต่ถือกำเนิดในปี 1998 BVLGARI Aluminium สร้างชื่อเสียงในกลุ่มนาฬิกาสปอร์ตที่หรูหรา นับเป็นการปฏิวัติแนวทางดั้งเดิม ทั้งการดีไซน์ที่มีขนาดใหญ่ และความโดดเด่นของโลโก้ BVLGARI BVLGARI ซ้อนกันบนขอบตัวเรือน อีกทั้งแสดงให้เห็นความกล้าในการเลือกใช้วัสดุอย่างอลูมิเนียม และยาง ลวดลายกราฟฟิก และกลิ่นอายแบบอิตาเลี่ยนผสมผสานจนสร้างนิยามที่ดึงดูดใจ, คาแร็กเตอร์ที่มีความสปอร์ตทันสมัย และความทันสมัยสำหรับทุกเจเนอเรชั่น โดยรุ่น GMT ถูกปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อผลิตจำนวนจำกัดที่ได้อิทธิพลจาก Fender Stratocaster เพื่อเชิญชวนให้คุณออกไปสัมผัสประสบการณ์ของการเดินทาง  

  ดินแดนที่แตกต่าง แต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิก และถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งยุคสมัย “ศิลปินเหมือนเทวดา และงานของเราคือมอบปีกให้พวกเขาโบยบิน” – ด้วยกีตาร์ Stratocaster หลักการของ Leo Fender ผู้ให้กำเนิดแบรนด์กีตาร์ Fender ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ชื่ออันทรงพลังที่ก่อกำเนิดกีตาร์ระดับตำนานที่หล่อหลอมประวัติศาสตร์วงการดนตรีโลกมานานกว่า 7 ทศวรรษ ร่วมฉลองความพิเศษที่ยอดเยี่ยมด้วยเสียงที่ใสราวกับคริสตัล  

สำหรับกีตาร์ Stratocaster รุ่นฉลองครบรอบ 70 ปี ทุกตัวจะเป็นการร่วมมือระหว่าง Bvlgari และ Fender Custom Shop ที่จะผลิตตามออเดอร์ โดยช่างทำกีตาร์ระดับปรมาจารย์จะสร้างกีตาร์ตามความต้องการของนักดนตรีด้วยความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การคัดสรรวัสดุจนถึงการประกอบด้วยมือ, การลงสีในส่วนต่างๆ และการปรับแต่งเสียง ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของพวกเขาต้องใช้ทักษะในระดับสูง และความใส่ใจในทุกรายละเอียดไม่แตกต่างจากงานฝีมือของช่างทำนาฬิกา ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ว่าจะผ่านมาหลายยุคสมัย ทำให้กีตาร์รุ่นนี้มีความพิเศษจากสายสัมพันธ์ของผู้ที่หลงใหล จนกลายเป็นชุมชนดนตรีขนาดใหญ่ที่ข้ามกาลเวลา และไร้พรมแดนขวางกั้น

Bvlgari 2024_Bulgari Aluminium GMT x Fender Limited Edition_Cortina Watch

BVLGARI Aluminium GMT x Fender® Limited Edition: การยกย่องงานฝีมือ และการถ่ายทอดอารมณ์

Bvlgari ผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิสที่แฝงด้วยจิตวิญญาณของชาวโรมัน แสดงให้เห็นแก่นแท้ของสไตล์อิตาเลี่ยนผ่านนาฬิกาชั้นยอด โดย Fender Musical Instruments Corporation (FMIC) บริษัทผู้ผลิตกีตาร์ชั้นนำของโลก ยกระดับงานศิลปะการสร้างสรรค์ตามความต้องการของนักดนตรีสู่ระดับสูงสุดด้วยงานฝีมือที่ประณีต และนวัตกรรมล้ำสมัยของ Fender Custom Shop การพบกันของ 2 ทีมช่างฝีมือที่เป็นสัญลักษณ์ของแต่ละวงการ ก่อตัวอย่างเป็นธรรมชาติจากความมุ่งมั่นของพวกเขาในการสร้างสรรค์สิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยความใส่ใจทุกรายละเอียด และความพิถีพิถัน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความสามารถเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และเชื่อมโยงผ่านเครื่องดนตรีที่พิเศษสู่ผู้คนในเจเนอเรชั่นต่อไป โดย Bvlgari และ Fender Custom Shop ร่วมฉลอง BVLGARI Aluminium และ Stratocaster 2 สัญลักษณ์ต่างวงการที่มีแนวทางดีไซน์เหนือกาลเวลาจนกลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมโลก เพื่อแสดงการยกย่อง Stratocaster กีตาร์ระดับตำนานที่มีอายุครบ 70 ปี

“ด้วยความเป็นผู้ที่หลงใหลทั้งเรือนเวลา และดนตรี การร่วมงานระหว่างเรากับ Fender ดำเนินไปอย่างราบรื่นเพื่อก้าวข้ามสุนทรียศาสตร์ เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จที่สืบทอดจากอดีต, การออกแบบ และนวัตกรรม” Jean-Christophe Babin ซีอีโอของ Bvlgari เปิดเผยถึงความร่วมมือครั้งพิเศษนี้ “การแลกเปลี่ยนความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผสมผสานเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของ 2 สัญลักษณ์แห่งยุคสมัยเข้าด้วยกัน โดยนาฬิกา BVLGARI Aluminium GMT x Fender® Limited Edition เป็นเหมือนเครื่องดนตรีที่งดงาม ใกล้เคียงกับกีตาร์ที่ได้รับการปรับแต่งเสียงมาเป็นอย่างดี พร้อมทั้งฟังก์ชั่นแสดงเวลา GMT ขั้นสูงที่สามารถปรับตั้งเวลาเมื่อข้ามเขตเวลา สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งของนักดนตรี และนักท่องเที่ยว โดยตัวเรือนใช้วัสดุอลูมิเนียม และไทเทเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา นาฬิกาลิมิเต็ด เอดิชั่นรุ่นนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางข้ามเวลา และโลกแห่งเสียงเพลงที่เป็นหนึ่งเดียว” 

  เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อตำนานของ Stratocaster ในขั้นตอนการสร้างสรรค์ BVLGARI Aluminium GMT พวกเขาเลือกกลับสู่โทนสีที่เป็นจุดเริ่มต้นของกีตาร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของวงการดนตรี ด้วยการใช้สีน้ำตาล Sunburst  – ที่หลายคนคุ้นตากับงานเคลือบแล็กเกอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Fender – พร้อมใส่เฉดสีขาวครีมแบบเดียวกันเพื่อสร้างนาฬิการุ่นนี้ขึ้นมาในจำนวนจำกัด 1,200 เรือน ขอบตัวเรือนใช้วัสดุยางสีน้ำตาล การแสดงเขตเวลาที่ 2 – สีน้ำตาลเข้มด้านบนสำหรับบอกเวลากลางคืน และสีขาวครีมครึ่งล่างสำหรับเวลากลางวัน – โดยหลักเวลา และเข็มนาฬิกาผ่านการชุบโรเดียมพร้อมขัดเงาเพื่อให้มีความคล้ายเฟรตกีตาร์ จนทำให้ BVLGARI Aluminium GMT มีความใกล้เคียงตำนานของ Stratocaster มากที่สุด

  ด้านหลังเวที ระบบกลไกชั้นยอดของนาฬิกาสวิสทำหน้าที่บอกเวลาทั่วโลก Bvlgari ปรับดีไซน์ของสายนาฬิกา Velcro เพื่อให้กระชับข้อมือมากที่สุดถึงจะต้องเล่นริฟฟ์ที่หนักหน่วงก็ตาม ด้านหลังตัวเรือนฝาหลังไทเทเนียมสลักโลโก้ ‘Fender®’ พร้อมเคลือบด้วยวิธี DLC เพื่อแสดงให้เห็นพลังที่น่าเหลือเชื่อของดนตรีที่สามารถรวมความน่าหลงใหลของเสียง, การบอกเวลา และการเดินทางสู่ทุกจุดหมายให้เป็นหนึ่งเดียว

Bvlgari 2024_Bulgari Aluminium GMT x Fender Limited Edition_Cortina Watch - lifestyle

เอ็กซ์คลูซีฟเซ็ตเพื่อนักสะสมคนสำคัญ

เพื่อฉลองครบรอบ 70 ปี Bvlgari จัดทำ BVLGARI Aluminium GMT x Fender® Limited Edition โดย Fender Custom Shop จะทำกีตาร์ซีรีส์พิเศษ Fender® Custom Shop Limited Edition Bulgari Stratocaster® ขึ้นมาเพียง 70 ตัว– ด้วยการสร้างสรรค์ที่โดดเด่นเพื่อนักสะสมคนสำคัญของพวกเขา 

“Stratocaster อยู่ในแนวหน้าของการพัฒนาวงการเพลง และการสร้างสรรค์เสียงใหม่มาตลอด 70 ปีที่ผ่านมา และเพื่อฉลองการครบรอบครั้งนี้ เราต้องการร่วมมือกับแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ความสำเร็จที่คล้ายกันในต่างวงการ” Justin Norvell รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ FMIC พูดถึงการตัดสินใจ “ด้วยเหตุนี้เราคงไม่สามารถภูมิใจมากไปกว่านี้สำหรับการเปิดตัวความร่วมมือกับ Bvlgari ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ Stratocaster และนาฬิกาที่งดงาม เรามั่นใจว่าแฟนของทั้ง 2 แบรนด์จะตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับโอกาสที่จะเพิ่มทั้งหมดนี้เข้าไปอยู่ในคอลเลคชั่นของพวกเขา” 

ในวันที่ 30 สิงหาคม 2024 Bvlgari เปิดตัว BVLGARI Aluminium GMT x Fender® Limited Edition ซีรีส์ที่ผลิตจำนวนจำกัด 140 ชุด (แบ่งเป็น 70 ชุดสำหรับ 2 เขตเวลาที่แสดงบน BVLGARI Aluminium GMT) โดยเอ็กซ์คลูซีฟเซ็ตนี้ประกอบด้วยนาฬิกาลิมิเต็ด เอดิชั่น BVLGARI Aluminium GMT พร้อมกล่องบรรจุสั่งทำพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากกล่องกีตาร์ระดับตำนาน พร้อมหนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์ 70 ปีของ Stratocaster

นอกจากนี้ Fender จะร่วมกับ BVLGARI เพื่อให้ Fender Custom Shop ในเมืองโคโรน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ผลิตกีตาร์ตามความต้องการของผู้สั่งจองจำนวน 70 ตัว โดยทุกตัวจะมีเอกลักษณ์พิเศษจากช่างฝีมือของ Fender Custom Shop เพื่อนำเสนอคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ด้วยขั้นตอนการเคลือบแล็กเกอร์แบบมันเงาเพื่อคืนชีพให้ความสวยงามแบบในอดีตของกีตาร์รุ่นแรก – โดยจะเป็นสีเดียวกับที่อยู่บนตัวเรือน BVLGARI Aluminium GMT x Fender® Limited Edition

Serpenti Pallini ความล้ำค่าแห่งการเคลื่อนไหว

ในบางครั้ง Bvlgari เปรียบเสมือนช่างอัญมณีแห่งกาลเวลา ด้วยการสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้ Serpenti Pallini เรือนเวลาที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ด้วยเวทมนตร์ของ Piccolissimo ระบบกลไกขนาดเล็กที่กลายเป็นหัวใจใหม่ของพวกเขา

Bvlgari 2024_Serpenti Pallini_104027_Cortina Watch

เสียงกระทบที่งดงามของเม็ดทองคำ และเพชรขนาดเล็กจำนวนมากบนนาฬิการูปทรงอสรพิษที่โอบรัดผิวกายอย่างเย้ายวน และจิตใจที่ต้องมนตร์สะกดของดวงตาสีเขียวมรกตท่ามกลางความแวววาวของเพชรที่ถูกใช้ตบแต่ง ช่วงเวลาแห่งความสุขกลายเป็นความลึกลับที่น่าค้นหาเสมือนคำสัญญาแห่งความเป็นนิรันดร์ 

สิ่งมีชีวิตลึกลับที่กำเนิดใหม่ตราบชั่วนิรันดร์ Serpenti มอบโอกาสร้างสรรค์อันไม่สิ้นสุดให้ Bvlgari นับตั้งแต่ปี 1948 ด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจของการนำเสนอความซับซ้อน และความเย้ายวน “ความน่าหลงใหล และความงดงามที่ยากจะต้านทาน การกลับมาของ Serpenti Pallini ซึ่งความหมายในภาษาอิตาเลี่ยนคือ “ลูกปัดกลมขนาดเล็ก” เป็นการแสดงความเคารพต่อประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของ Bvlgari ผมได้แรงบันดาลใจจาก Pallini เรือนแรกที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1955 ซึ่งเป็นเหมือนสร้อยข้อมือที่สามารถพันได้ 5 รอบ โดยทำจากทองคำ และเพชร” Fabrizio Buonamassa Stigliani ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของ Bvlgari เปิดเผย

ความงดงามที่ถูกผสมผสานระหว่างเครื่องประดับชั้นสูง และผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำของโลก โดยนาฬิกาเรือนนี้เก็บซ่อนความลับของ Piccolissimo ระบบกลไกขนาดเล็กที่แสดงให้เห็นถึงงานฝีมือชั้นสูง และความพิถีพิถันในขั้นตอนการประกอบที่ใช้เวลามากกว่า 500 ชั่วโมง ความเปล่งประกายของทองคำ, โรสโกลด์ และทองคำขาว รวมทั้งเพชรที่ถูกประดับบริเวณส่วนหัว และปลายตัวเรือน กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ Serpenti Pallini สะกดผู้ที่พบเห็นด้วยมรกตสีเขียวเข้ม 2 เม็ดที่ได้รับการเจียระไนเป็นรูปทรงหยดน้ำ การเฝ้ามองเวลาที่ผ่านไป และสร้างแรงบันดาลใจเพื่อที่จะเป็นตัวเองภายใต้อิสระที่แท้จริง

Bvlgari 2024_Serpenti Pallini_104025_Cortina Watch

ท่วงทำนองแห่งกาลเวลา

ความยืดหยุ่นที่พิเศษของสายข้อมือแบบแกนคู่ของ Serpenti Pallini ช่วยโอบรัดข้อมืออย่างนุ่มนวล ด้วยการออกแบบที่ท้าทายซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Pallini เรือนประวัติศาสตร์ในปี 1955 ทำให้มีความคล้ายผิวหนังของอสรพิษร้าย จากการตบแต่งด้วยทองคำก้อนหรือเพชรที่เจียระไนเป็นรูปทรงกลมก ทั้งหมดถูกวางเรียงบนตาข่ายทองคำด้วยเทคนิคที่ดัดแปลงจากขั้นตอน ‘En Tremblant’ ที่เกิดขึ้นในกรุงปารีส ช่วงศตวรรษที่ 18 

“Serpenti Pallini เป็นการแสดงความเคารพในประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเราอย่างแท้จริง เราเลือกนำเทคนิคที่พิเศษมาใช้กับนาฬิกาของแบรนด์ด้วยความเชี่ยวชาญของการสร้างเครื่องประดับผสมผสานกับระบบกลไกนาฬิกาที่เที่ยงตรง จนกลายเป็นการรวมตัวที่สมบูรณ์แบบระหว่างรากเหง้าอิตาเลี่ยนของเรา และแบรนด์ดีเอ็นเอกับลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของ Serpenti รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาสวิสด้วยกลไก Picolissimo movement” Babin ซีโอโอ Bvlgari อธิบายรายละเอียดการสร้างสรรค์ที่พิเศษครั้งนี้

เทคนิคที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Bvlgari สร้างความน่าตื่นเต้นด้วยการให้อัญมณีที่ถูกประดับเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระตามส่วนโค้งของสายนาฬิกาที่โอบรัดข้อมือของผู้สวมใส่ถึงจะเป็นการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ตาม การกลับมามีชีวิตอีกครั้งของ Serpenti Pallini สร้างความน่าหลงใหล และสร้างชีวิตชีวา การกำเนิดอารมณ์ความรู้สึกที่เชิญชวนให้สัมผัสความเย้ายวนใจของเรือนเวลารูปทรงอสรพิษที่พิเศษนี้

Bvlgari 2024_Serpenti Pallini_104026_Cortina Watch

หัวใจที่คู่ควรกับงานศิลปะชั้นยอด

เป็นครั้งแรกที่ Serpenti Pallini เคลื่อนไหวด้วยระบบกลไก Piccolissimo ที่เพิ่มเสน่ห์ดึงดูดใจมากกว่าเดิมจากการเป็นระบบกลไกนาฬิกาที่มีขนาดเล็กที่สุดของโลก โดยเกิดจากความมุ่งมั่นพัฒนาของโรงงานผลิตนาฬิกา Bvlgari ในเมืองเลอ เซนเตียร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้การเป็นนาฬิกาทรงกลมที่มีกลไกเล็กที่สุดเท่าที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน ทำให้ Bvlgari สามารถแก้ไขเส้นสายของ Serpenti Pallini รวมทั้งลดขนาดบริเวณส่วนหัว และส่วนหางเพื่อสร้างความสมดุลของสัดส่วนให้มีความสมบูรณ์แบบที่สุด

ความพิเศษของระบบกลไก Piccolissimo ยังช่วยเพิ่มความน่าหลงใหลของ Serpenti Pallini ที่สามารถสวมใส่หลากหลายรูปแบบ และสามารถถอดออกได้ง่าย โดยหน้าปัดสามารถหมุนได้ครึ่งรอบเพื่อปรับมุมให้ดูเวลาได้อย่างถูกต้อง ขอบตัวเรือนตบแต่งทั้งเพชรรอบล้อมหรือแบบไร้รอยต่อ ทำให้การใช้งาน Serpenti เป็นไปตามความต้องการของผู้สวมใส่ที่จะเลือกสลับด้านตามความต้องการ เช่นเดียวกับการสวมทั้งข้อมือซ้ายหรือข้อมือขวา เป็นการแสดงออกถึงความสนุกสนาน และช่วงเวลาแห่งความสุข  

การเปิดตัวของ Serpenti Pallini จะมีการตบแต่งที่แตกต่างกัน 3 รูปแบบ ประกอบด้วยการประดับเพชรในทองคำขาว, ทองคำขาวกับโรสโกลด์ และทองคำขาวกับทองคำเหลือง นับเป็นครั้งแรกที่มีการตีความร่วมสมัยของ Serpenti Pallini กับทองคำที่จะทำให้ประกายแสงอาทิตย์กลับมาโดดเด่นอีกครั้งพร้อมทั้งเติมแต่งความวินเทจสู่เครื่องประดับรูปทรงอสรพิษที่น่าหลงใหล

ค้นหาคอลเลคชั่นนาฬิกาจาก Bvlgari ผ่านทางออนไลน์หรือสัมผัสความน่าหลงใหลแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ Cortina Watch Boutiques ใกล้คุณ