30 ก.ย. 2025
เทคนิคการผลิตเรือนเวลาที่เผยให้เห็นกลไกภายใน คือทักษะอันโดดเด่นของช่างฝีมือจาก Franck Muller ตั้งแต่การผลิตและการเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ
อย่างที่หลายคนพูดกันว่า “น้อยแต่มาก” ตั้งแต่ชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างดีโดดเด่นขึ้นได้ด้วยผ้า Pocket Square หรือแม้กระทั่งการตกแต่งห้องให้น่าสนใจ ก็สามารถทำได้ด้วยการแต่งเติมสีเพียงเล็กน้อย รวมไปถึงบทกลอนที่ตราตรึงก็ไม่จำเป็นต้องมากคำ แต่สามารถสื่อสารความหมายได้อย่างลึกซึ้ง และเวลาก็เช่นกัน ที่พิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนว่าคือหนึ่งในความหมายของความงาม และเมื่อผ่านการยกระดับไปอีกขั้น การถ่ายทอดความงามเหล่านั้นผ่านนาฬิกาหน้าปัดเปลือย (Skeleton Watch) ที่ทำให้ศิลปะของความว่างเปล่านั้นงดงามกว่าที่เคย
นาฬิกาหน้าปัดเปลือย เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 18 จากประเทศฝรั่งเศส เมื่อ André-Charles Caron ได้สร้างสรรค์วิธีการตกแต่งเรือนเวลาขึ้นใหม่ ด้วยการเผยให้เห็นถึงกลไกภายใน โดย Caron เลือกใช้วิธีการนำชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออกจากกลไก เหลือไว้เฉพาะกลไกสำคัญ และเมื่อเวลาผ่านไป ช่างฝีมือได้ยกระดับศิลปะแห่งความว่างเปล่านี้ด้วยการเซาะบริเวณบริดจ์และเพลตของนาฬิกาด้วยทักษะการแกะสลักที่เหนือชั้น ทำให้ชิ้นส่วนจำเป็นที่เหลือของกลไกงดงามด้วยลายแกะสลักหรือการขึ้นรูปเป็นลายเส้น เรือนเวลาหน้าปัดเปลือยเหล่านี้กลายเป็นศิลปะชิ้นสำคัญไม่เพียงแค่ด้านความแม่นยำ แต่ยังคงสะท้อนถึงศิลปะในการตกแต่งอีกด้วย
สำหรับ Franck Muller แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาอิสระได้ทำการทดสอบขีดจำกัดของการผลิตนาฬิกาหน้าปัดเปลือยให้กลายเป็นการเชื้อเชิญที่ไม่อาจต้านทานได้ ซึ่งในปีนี้ Franck Muller เผยเรือนเวลาใหม่สองเรือนอย่าง Vanguard Royal Bauxite และ Vanguard Curvex Cut Flower ที่ถึงแม้ว่าทั้งสองคอลเลกชันจะมาพร้อมกับการยกย่องของในฐานะนาฬิกาหน้าปัดเปลือยด้วยการออกแบบกลไกที่งดงาม และเผยให้เห็นกลไกที่ขับเคลื่อนอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองเรือนนั้นยังมาพร้อมกับเรื่องราวที่แตกต่างกันทั้งด้านของศิลปะและนวัตกรรม
Credit: Franck Muller
ในส่วนของ Vanguard Royal Bauxite ใช้เทคนิคการผลิตที่มุ่งเน้นในเรื่องของโลหวิทยา โดยตัวเรือนผลิตขึ้นจากอะลูมิเนียมอัลลอย ที่มีโทนสีตั้งแต่ Ice Blue จนถึง Vibrant Green ก่อนที่จะเก็บรายละเอียดพื้นผิวด้วยกรรมวิธีอโนไดซ์ที่แปลกใหม่ช่วยเพิ่มความทนทาน ทำให้ในส่วนของตัวเรือนและบริดจ์ของนาฬิกานั้นจะมีสีและความเข้มที่แตกต่างกัน ในส่วนของหน้าปัดออกแบบให้บริดจ์เป็นทั้งโครงสร้างและผืนผ้าใบสำหรับกลไกอันตระการตาภายใน สิ่งนี้คือความเรียบง่ายในแบบของ Franck Muller
นาฬิกาหน้าปัดเปลือยช่วยเสริมความยิ่งใหญ่ของกลไกนาฬิกา เพราะกลไก FM 1740-VS Calibre ที่ผลิตขึ้นเอง ผู้สวมใส่สามารถชมกลไกที่ขับเคลื่อนได้อย่างชัดเจน มาพร้อมประสิทธิภาพสำรองพลังงานได้ 7 วัน องค์ประกอบแต่ละส่วนผ่านการเก็บรายละเอียดอย่างประณีต และบาลานซ์วีลที่มีขนาดใหญ่พิเศษ ที่ขับเคลื่อนอย่างเที่ยงตรงด้วยจังหวะการสั่น 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง
Credit: Franck Muller
ถ้านาฬิกา Vanguard Bauxite คือตัวแทนของความกล้าหาญ และทันสมัย นาฬิกา Vanguard Curvex Cut Flower คือตัวแทนของความงามดั่งบทกวี ล้อมรอบด้วยตัวเรือนไวท์โกลด์หรือโรสโกลด์ประดับเพชร หน้าปัดถูกทำให้กลายเป็นช่อดอกไม้อันสวยงาม ด้วยบริดจ์ที่มีการเซาะให้คล้ายกับเป็นก้านของดอกไม้รองรับกลีบดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
เพื่อให้ไม่มีรูปทรงขอบแข็งบนในเรือนเวลาเรือนนี้ ช่างฝีมือจึงทำการเซาะร่องกลไกด้วยความประณีตพิถีพิถัน เกิดเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่ชวนทุกสายตาให้จับจ้อง นอกจากนี้เหล่ากลีบของดอกไม้มาพร้อมตัวเลือกที่หลากหลาย อาทิ เพชร มรกต แซฟไฟร์สีน้ำเงิน รูบี้ และการผสมผสานของอัญมณีทั้ง 3 ประเภท เจียระไนแบบ Curvex Cut กรรมสิทธิ์ของ Franck Muller ที่มีเป็นการเจียระไนให้เกิดเหลี่ยมทั้งหมด 73 มุม เพื่อให้ได้อัญมณีที่มีรูปร่างของกลีบดอกไม้
ถึงแม้ว่านาฬิกา Vanguard Curvex Cut Flower ที่มีความเป็นผู้หญิงมากกว่า แต่นาฬิกาเรือนนี้ก็ขับเคลื่อนด้วยกลไกขั้นสูง ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของแบรนด์ เป็นกลไกไขลาน FM 1540-VS3 Calibre ที่ผลิตขึ้นเพื่อความแม่นยำ และการสำรองพลังงานได้สูงถึง 4 วัน
เมื่อกล่าวถึงนาฬิกาทั้งสองเรือนอย่าง Vanguard Royal Bauxite และ Vanguard Curvex Cut Flower ล้วนเป็นนาฬิกาที่แสดงให้เห็นถึงความอัจฉริยะของ Franck Muller ด้านผลงานศิลปะตั้งแต่การทำนาฬิกาแบบหน้าปัดเปลือย จนถึงการถ่ายทอดความงามในมิติที่แตกต่าง
โดยในนาฬิกา Vanguard Royal Bauxite นั้นมาพร้อมความทันสมัยและแข็งแรงทนทาน และในเรือนถัดมาอย่าง Vanguard Curvex Cut Flower ที่เปรียบเสมือนบทกวีที่เย้ายวนใจ และถึงแม้ว่านาฬิกาทั้งสองเรือนนี้จะเป็นผลงานในยุคร่วมสมัย แต่ยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณของศิลปะ ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในเรือนเวลาที่เป็นเลิศทั้งด้านกลไกและการตกแต่ง
สัมผัสกับความงดงามของนาฬิกา Franck Muller ได้ที่บูติก คอร์ติน่า วอทช์ วันนี้