• แบรนด์ที่น่าสนใจ
  • ความรู้เกี่ยวกับนาฬิกา

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา

12 เม.ย. 2025

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

แนวคิดเรื่องความยั่งยืนในธุรกิจไม่ได้เกิดขึ้นจากจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมหรือกระแสรักษ์โลกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นหลักการพื้นฐานทางความคิดของบริษัทที่ต้องการดำรงอยู่ในระยะยาว สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการรักษาทรัพยากร และห่วงโซ่อุปทาน พร้อมการพัฒนาแผนระยะยาวสู่ความสำเร็จ โดยแนวคิดนี้ได้ฝังรากลึกสู่แบรนด์ลักชัวรี่ระดับโลกมาอย่างยาวนาน ด้วยการที่วัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ลักชัวรี่ล้วนเป็นทรัพยากรที่มีจำกัดในปัจจุบัน จนทำให้บรรดาแบรนด์เครื่องประดับ และผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำของโลกต้องพัฒนาวัสดุใหม่ขึ้นมาเพื่อทดแทนหรือมองหาทางเลือกอื่น รวมทั้งในภาพกว้างการสกัดวัตถุดิบเหล่านี้ยังต้องใช้ทรัพยากรจำนวนงมหาศาลที่กลายเป็นภาระของชุมชนท้องถิ่น และส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้อีกด้วย

Chopard – การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

Chopard Alpine Eagle Flying Tourbillon ตัวเรือนขนาด 41 มม. โดยสายผลิตจากวัสดุโลหะ Lucent Steel ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก L.U.C 96.24-L ที่มีความบางพิเศษ ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้ง Geneva Seal และ COSC (Credit: Chopard)

การที่กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ให้ความสำคัญมากขึ้นกับการนำวัสดุที่ใช้แล้วมาดัดแปลงหรือสร้างสรรค์เป็นของใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น (Upcycling) และผลิตภัณฑ์ลักชัวรี่ที่เคยผ่านการใช้งานแล้ว (Pre-owned Luxury) ผู้ผลิตนาฬิกาต้องเริ่มปรับตัวเข้าสู่หลักการของ “ความหรูหราอย่างมีความรับผิดชอบ” (Responsible Luxury)

หนึ่งในแบรนด์ที่เป็นผู้นำด้านนี้ที่มีความโดดเด่นคือ Chopard หลังจากได้รับรองโดย Responsible Jewellery Council (RJC) องค์กรระหว่างประเทศที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบในห่วงโซ่อุปทานเครื่องประดับ เมื่อปี 2012 และนำเสนอผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของพวกเขาที่ใช้ Ethical Gold (ทองคำเชิงจริยธรรม – ทองคำจากเหมืองที่คำนึงถึงจริยธรรมในการดำเนินงาน ทั้งในส่วนของคนงาน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม) ระหว่างงานประกาศรางวัลปาล์มทองคำ Palme d’Or ในปี 2014 และนับตั้งแต่ปี 2018 Ethical Gold ถูกนำมาใช้กับเครื่องประดับ และนาฬิกาทุกรุ่นของแบรนด์ นอกเหนือจากนั้นโรงงานผลิตของพวกเขามีการใช้พลังงานหมุนเวียน และพัฒนาระบบหมุนเวียนน้ำแบบปิดเพื่อลดปริมาณการใช้น้ำให้น้อยที่สุด

จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Chopard ประสบความสำเร็จกับการนำวัสดุรีไซเคิ่ลมาผลิตนาฬิกาตัวเรือนโลหะสแตนเลสสตีลภายใต้ชื่อ Lucent Steel วัสดุโลหะที่พวกเขาได้รับการจดสิทธิบัตร ด้วยคุณสมบัติไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้, มีความแวววาว และระดับความทนทานสูงกว่าโลหะทั่วไป รวมทั้งช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตัวเรือนโลหะพิเศษนี้เป็นวัสดุที่ถูกนำมาใช้งานมากที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา Lucent Steel ได้รับการนำเสนอเป็นครั้งแรกในคอลเลคชั่น Alpine Eagle เมื่อปี 2019 และปัจจุบันขยายการใช้งานในหลายโมเดลของแบรนด์

คอลเลคชั่นนาฬิกา Sport ที่มีความหรูหราเป็นการตีความใหม่ให้มีความร่วมสมัยจาก St. Moritz ซีรีส์ที่เป็นประวัติศาสตร์ของ Chopard ด้วยความร่วมมือของสมาชิกในครอบครัวถึง 3 เจเนอเรชั่น ตั้งชื่อตามกองทุนอนุรักษ์นกอินทรี Alpine Eagle Foundation ที่แบรนด์ให้การสนับสนุน หน้าปัดของนาฬิกา Alpine Eagle ใช้วิธีขัดเงาแบบ Sunburst เพื่อสร้างลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากดวงตาของนกอินทรีบนเทือกเขาแอลป์ Chopard เพิ่มความหลากหลายของคอลเลคชั่นนี้ด้วยการสร้างความสง่างาม และความรู้สึกสปอร์ตจากการประดับอัญมณี, โมเดลสไตล์เครื่องประดับชั้นสูง (High Jewellery) และโมเดลที่ใช้ระบบกลไกที่มีความซับซ้อน Alpine Eagle Flying Tourbillon

เรือนเวลาที่มีความโดดเด่นเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยกลไก L.U.C 96.24-L นับเป็นกลไก Flying Tourbillon แบบไขลานอัตโนมัติรุ่นแรกของแบรนด์ที่มีพลังงานสำรองนานถึง 65 ชั่วโมง ผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้ง C.O.S.C และ Poinçon de Genève โดยกลไกนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดจากกลไกที่ Chopard พัฒนาขึ้น และเปิดตัวเมื่อปี 1996 ด้วยการสนับสนุนของ Michel Parmigiani ช่างทำนาฬิกาผู้มีพรสวรรค์ นาฬิกา Ref. 298616-3001 Alpine Eagle Flying Tourbillon บรรจุในตัวเรือนที่ผลิตจากโลหะ Lucent Steel สะท้อนความพิถีพิถันของการเลือกสรรวัสดุของ Chopard ด้วยความหนาเพียง 8 มม. ทำให้สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่ง และงานฝีมือที่ประณีต รวมทั้งรายละเอียดที่รอการค้นพบจากนักสะสมเรือนเวลาที่แท้จริง

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

Chopard L’Heure du Diamant Round ใช้วัสดุทองคำขาว 18K จากเหมืองที่คำนึงถึงจริยธรรมในการดำเนินงาน ขอบตัวเรือนประดับเพชรที่เจียระไนแบบ Brilliant-cut และหน้าปัดตกแต่งลวดลายด้วยวัสดุเปลือกหอยมุก (Credit: Chopard)

อย่างที่ทราบกันดีว่าอีกด้านหนึ่ง Chopard มีชื่อเสียงด้านการผลิตเครื่องประดับระดับโลก และไม่อาจมองข้ามการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญทั้ง 2 ด้านที่เปรียบเสมือนเอกลักษณ์ของแบรนด์ในคอลเลคชั่น L’Heure du Diaman โดยมีจำหน่ายเฉพาะบูติกของ Chopard และ Cortina Watch ในประเทศสิงคโปร์เท่านั้น โดยคอลเลคชั่นนาฬิกาสไตล์เครื่องประดับนี้เลือกใช้ทองคำ Ethical Gold พร้อมประดับเพชรด้วยเทคนิคการฝังแบบพิเศษเพื่อให้เปล่งประกายความระยิบระยับในทุกมุมที่แสงตกกระทบ

ในส่วนของสายนาฬิกาสร้างลวดลายจากการแกะสลักด้วยมือ และทุกข้อต่อถูกติดตั้งจากช่างผู้ชำนาญ โดยเป็นการสืบทอดเทคนิคโบราณของเมืองฟอร์ซไฮม์ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นนครแห่งเครื่องประดับของประเทศเยอรมนี ความโดดเด่นของโมเดล Ref. 10A178-1314 เป็นการใช้เปลือกหอยมุกสร้างลวดลายบนหน้าปัดเหมือนเป็นก้อนเมฆที่ลอยฟูฟ่องบนท้องฟ้า และติดตั้งกลไกที่มีขนาดเล็กที่สุดของแบรนด์ 10.01-C ทั้งหมดนี้ทำให้คอลเลคชั่น L’Heure du Diamant เหมือนเป็นการเฉลิมฉลองผลงานเครื่องประดับชั้นสูงบนเรือนเวลาที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของ Chopard อย่างแท้จริง

Blancpain – พิทักษ์มหาสมุทร

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

Blancpain Fifty Fathoms Ref. 5000 นับเป็น Tool Watch นาฬิกาเครื่องมือเรือนแรกที่ออกแบบเพื่อรับมือความท้าทายใต้ท้องทะเลลึก (Credit: Blancpain)

คงมีนักสะสมนาฬิกา และผู้หลงใหลเรือนเวลาเพียงไม่กี่คนที่ไม่รู้จักประวัติศาสตร์การผจญภัยในมหาสมุทรของ Blancpain แบรนด์ที่เป็นผู้ประดิษฐ์นาฬิกาดำน้ำยุคใหม่เรือนแรกของโลกที่มีความเกี่ยวข้องอย่างยาวนานกับบรรดานักดำน้ำมืออาชีพที่ได้รับการยกย่อง และนักถ่ายทำสารคดีใต้ทะเลลึกในช่วงกลางศตวรรษที่ 20

นาฬิกา Fifty Fathoms ถือกำเนิดขึ้นจากความต้องการมาตรวัดเวลาใต้น้ำ และเปรียบเสมือนคำสัญญาในการปกป้องมหาสมุทรของทุกคนบนโลกนี้มาหลายต่อหลายครั้ง Marc A. Hayek ประธานของ Blancpain ผู้ซึ่งเป็นนักดำน้ำที่มีประสบการณ์ และบุคคลที่คืนชีพ Fifty Fathoms ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อราว 20 ปีก่อน และในช่วงที่แบรนด์ฉลองครบรอบ 70 ปีของคอลเลคชั่นนี้ เขาแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นในพันธกิจการอนุรักษ์มหาสมุทรผ่านโครงการ Blancpain Ocean Commitment (BOC)

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

Blancpain Fifty Fathoms Blancpain Ocean Commitment (BOC) รุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด และจะออกขายตามช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อสนับสนุนการขยายขอบเขตโครงการปกป้องมหาสมุทรทั่วโลก โดยช่วงปีหลัง Blancpain หันมาให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Credit: Blancpain)

ภายในขอบเขตของการอนุรักษ์ทางทะเลที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals – SDG) มีเพียง 2 บริษัทผู้ผลิตนาฬิกาที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานทั่วโลกมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่า Blancpain จะเป็นผู้ผลิตนาฬิกาขนาดเล็ก แต่มีผลงานสำคัญมากมายในการปกป้องมหาสมุทร ต้องขอบคุณความร่วมือจากพันธมิตรอย่าง PADI และนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลชื่อดัง Laurent Ballesta

หนึ่งในโครงการล่าสุดของแบรนด์คือความร่วมมือภายใต้ชื่อ Blancpain × Sulubaaï Marine Research Centre ศูนย์วิจัยทางทะเลในประเทศฟิลิปปินส์ โดยเป็นการขยายผลจากโครงการ Sulubaaï Sea Academy ที่มุ่งส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นมีบทบาทในการบริหารจัดการพื้นที่คุ้มครองทางทะเล โดย Blancpain ให้การสนับสนุนโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2019 ผ่านการนำเสนอของนาฬิการุ่นพิเศษ Ocean Commitment Limited Editions เพื่อระดมทุนสำหรับกิจกรรมอนุรักษ์นี้อย่างต่อเนื่อง

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

โมเดลใหม่ที่ผลิตจำนวนจำกัด Blancpain Fifty Fathoms Tech BOC IV Ref. 5029A นำเสนอตัวเรือนที่มีการออกแบบเช่นเดียวกับ Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 2 Tech Gombessa ใช้วัสดุไทเทเนียมเกรด 23 ในการผลิตตัวเรือน และหน้าปัดสีดำสนิทเพื่อความชัดเจนในการอ่านค่าเวลา (Credit: Blancpain)

Fifty Fathoms Tech BOC IV เป็นเรือนเวลารุ่นล่าสุดที่ผลิตจำนวนจำกัด เพื่อสนับสนุนโครงการ BOC โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก Tech Gombessa ที่ออกแบบเพื่อการใช้งานระดับมืออาชีพซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2023 โดยการเปิดตัวช่วงที่ 2 (Act 2) จากทั้งหมด 3 ช่วงเวลาที่ Blancpain กำหนดเพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีของคอลเลคชั่น Fifty Fathoms จะเป็นนาฬิกาที่สร้างขึ้นเพื่อนักดำน้ำที่ใช้อุปกรณ์แบบวงจรปิด (Closed-circuit Rebreather) พร้อมมาตรวัดเวลาแบบ 3 ชั่วโมงตามขีดจำกัดของอุปกรณ์

ในด้านการออกแบบนาฬิกาลิมิเต็ด เอดิชั่นรุ่นนี้มีความดิบตามสไตล์อินดัสเทรียล การออกแบบได้แรงบันดาลใจจากมาตรวัดความลึกยุคเก่า ตัวเรือน BOC IV ขนาด 45 มม. ผลิตจากไทเทเนียมเกรด 23 เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และทนทานต่อการกัดกร่อน รวมทั้งติดตั้งวาล์วปล่อยก๊าซฮีเลียมเพื่อลดแรงดันสะสมเมื่อดำน้ำลึกระดับ 300 เมตร

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

Blancpain Fifty Fathoms Tech BOC IV Ref. 5029A ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 1315A มีพลังงานสำรองยาวนานถึง 5 วัน และสปริงซิลิกอนเพื่อป้องกันสนามแม่เหล็ก (Credit: Blancpain)

Fifty Fathoms Tech BOC IV ขับเคลื่อนด้วย Calibre 1315A กลไกที่มีความทนทานระดับสูงของ Blancpain โดยชิ้นส่วนเฟืองแกว่ง (Oscillating Rotor) แบบโครงเปลือยผลิตจากวัสดุทองคำขาว ได้รับการออกแบบให้คล้ายสมอเรือพร้อมประทับตราข้อความ Ocean Commitment ในส่วนของสะพานจักร (Bridges) ออกแบบให้ทนต่อแรงกระแทก ได้รับการตกแต่งด้วยการขัดลายแบบ Sunray เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของกลไก สำหรับหน้าปัดได้รับการเคลือบผิวพิเศษสามารถสะท้อนแสงได้สูงถึง 97 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ถึงจะอยู่ใต้น้ำก็ยังอ่านค่าเวลาได้ชัดเจน โมเดลนี้ผลิตจำนวนจำกัด 100 เรือน ทุกเรือนที่จำหน่ายจะมีการบริจาคเงิน 1,000 ยูโร (ประมาณ​ 39,000 บาท) เพื่อสนับสนุนศูนย์วิจัยทางทะเลแห่งใหม่

TUDOR – การเลือกแนวทางที่มนุษย์เป็นศูนย์กลาง

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

TUDOR Pelagos FXD GMT “Zulu Time” ใช้วัสดุไทเทเนียมเกรด 2 และสายที่ใช้วัสดุผ้าทอ (Credit: TUDOR)

ความพยายามด้านความยั่งยืนของ TUDOR ตั้งแต่อดีตถูกเชื่อมโยงกับโครงต่างๆ ของบริษัทแม่ของพวกเขาที่มีความหลากหลาย และมุ่งมั่นส่งเสริมศักยภาพของผู้คนที่กำลังต่อสู้เพื่อปกป้องความงดงามของโลกที่เราอาศัยอยู่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตนาฬิกาสวิสที่กำลังจะมีอายุครบ 1 ศตวรรษ กำหนดแนวทางด้านความยั่งยืนของตนเองขึ้นมา โดยยึดตามกรอบการทำงานที่ครอบคลุมทุกด้านในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตที่โรงงานในเมืองเลอ ล็อก โดยถูกออกแบบให้มีขั้นตอนการผลิตที่มีความคล่องตัวสูง (Agile Industrial Model) เพื่อลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสูงสุดตามความต้องการของลูกค้า

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

โรงงานของ TUDOR ในเมืองเลอ ล็อก เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อไม่นานนี้ ถูกกำหนดให้มีขั้นตอนการผลิตที่มีความคล่องตัวเพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Credit: TUDOR)

TUDOR ทุ่มเทให้กับการก่อตั้งแผนด้านความยั่งยืนที่กำหนดหลักการสำคัญอย่างรวดเร็วทั้งความสามารถตรวจสอบย้อนกลับที่มาของวัสดุทองคำ, การกำหนดปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอน และจัดตั้งโครงการ Science-Based Targets Initiative เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งกลุ่มบริษัทภายในปี 2030 เป็นความพยายามอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของพนักงานเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

โรงงานผลิตของ TUDOR จัดหาพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร โดยผลิตกระแสไฟฟ้าจากแผงโซล่าร์เซลส์ที่พวกเขาติดตั้ง รวมทั้งการใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านโครงข่ายพลังงานของสวิตเซอร์แลนด์(Credit: TUDOR)

จากแนวคิดที่มุ่งมั่นในการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติอย่างกลมกลืน ตำแหน่งของอาคารถูกเลือกอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียงให้น้อยที่สุด รวมทั้งการใช้พลังงานหมุนเวียน และนำเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบเข้ามาสนับสนุนเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้พนักงานพร้อมกับลดการใช้พลังงานในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่ากระบวนการจัดหาวัตถุดิบในการผลิต TUDOR เปลี่ยนมาใช้วัสดุที่มีความล้ำค่าที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยความตระหนักว่าการทำเหมืองเพื่อขุดหาทรัพยการใหม่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติในระยะยาว และสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมหาศาล

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

คุณภาพ และความคงทนเป็นกุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืนของแบรนด์ลักชัวรี่ และถือเป็นคุณค่าหลักของแบรนด์ TUDOR (Credit: TUDOR)

TUDOR ไม่ได้มีบทบาทเฉพาะโครงการปกป้องมหาสมุทรเท่านั้น แต่พวกเขายังมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในแถบเทือกเขาจูรา และการคืนชีวิตให้แม่น้ำเบียด์ (หลังจากถูกเปลี่ยนเป็นคลอง) นำทางน้ำกลับคืนมาเหมือนเดิม ส่งผลให้สัตว์ท้องถิ่นกลับมาอาศัยอยู่ในพื้นที่อีกครั้ง โดยแก่นหลักที่แท้จริงของความหรูหราที่ยั่งยืนคืออายุการใช้งานที่ยาวนานของผลิตภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้กลายเป็นจริง แบรนด์มีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการซ่อม และบูรณะนาฬิกาทุกรุ่นที่ผลิตออกมานับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ในปี 1926 มีการลงทุนด้านทรัพยากรเพื่อพัฒนาระบบกลไกที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นเองที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน METAS และใช้วัสดุที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างความมั่นใจว่านาฬิกาทุกเรือนสามารถใช้งานเต็มประสิทธิภาพภายใต้สภาพแวดล้อมที่ท้าทาย พร้อมนำระบบการผลิตแบบหมุนเวียน (Circular Loops) เข้ามาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ให้ยาวนานที่สุด

Cartier – เพื่อสังคม และชุมชน

แผนกวัฒนธรรม และการกุศลของ Cartier มีต้นกำเนิดจากมูลนิธิ Cartier Foundation for Contemporary Art ก่อนจะมีการก่อตั้งมูลนิธิ Cartier Philanthropy ที่นครเจนีวา (Credit: Cartier)

Cartier – เพื่อสังคม และชุมชน

เรามักได้ยินเกี่ยวกับโครงการของ Cartier ในด้านศิลปะ, การออกแบบ และสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก (Women’s Initiatives) โดยเฉพาะโครงการหลังที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนทั้งระดับสถาบัน และสังคมสำหรับสุภาพสตรี เพื่อยุติความยากจนที่ฝังรากลึก รวมทั้งการขยายความสำเร็จ และอิทธิพลของผู้นำสตรีในวงกว้างมากขึ้น โครงการนี้ยังมีหน่วยวิจัยเฉพาะกิจที่มุ่งมั่นเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในงานวิจัย และลดอคติของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเพศ รวมทั้งกลุ่มชนกลุ่มน้อยอีกด้วย

อีกด้านหนึ่งที่ทรงพลังไม่แพ้กัน แต่เป็นการทำงานอยู่เบื้องหลังคือมูลนิธิการกุศล Cartier Philanthropy นำโดย Cyrille Vigneron อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Cartier โดยหนึ่งในตัวอย่างคือ Cartier for Nature โครงการสนับสนุนองค์กรไม่แสวงหากำไรในการปกป้องผืนป่า และระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลก รวมถึงการอนุรักษ์สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์อย่าง เสือดาวหิมะ จนถึงการส่งเสริมการเพาะพันธุ์สัตว์อย่างยั่งยืน หรือการให้ความรู้กับอดีตกลุ่มผู้ลักลอบล่าสัตว์ให้กลายเป็นเกษตรกรบนแนวทางแบบยั่งยืน

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

หนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง Responsible Jewellery Council เมื่อปี 2005 โดย Cartier ยังได้ก่อตั้งโครงการ Watch and Jewellery Initiative 2030 เพื่อเป็นผู้นำในการผลักดันอุตสาหกรรมทั้งหมดสู่แนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Credit: Cartier)

ความมุ่งมั่นของ Cartier เพื่อขับเคลื่อนความรับผิดชอบต่อสังคมในอุตสาหกรรมอัญมณี และนาฬิกา มีความสำคัญเท่ากับมูลนิธิการกุศล Cartier Philanthropy และในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งองค์กร Responsible Jewellery Council เมื่อปี 2005 ทำให้มีการพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่เข้มแข็งสำหรับทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ถูกออกแบบเพื่อปกป้องโลกใบนี้ และผู้คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมดังกล่าว การเป็นผู้นำของโครงการ Watch & Jewellery Initiative 2030 ด้วยความมุ่งมั่นให้สมาชิกทั้งหมดร่วมเผชิญการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การอนุรักษ์ทรัพยากร และเป็นตัวแทนของผู้มีส่วนร่วมทุกคน

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

นาฬิกา Cartier Ronde Louis Cartier Zèbre and Girafe สร้างสรรค์ขึ้นโดย Maison Métiers d’Art เมื่อปี 2022 ผสมผสานเทคนิคตกแต่งแผ่นไม้, การเคลือบเงาแล็กเกอร์ และการตกแต่งพื้นผิวด้วยเม็ดทองคำขนาดเล็ก (Credit: Cartier)

ความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมเชิงศิลปะ และวัฒนธรรมที่ก้าวไปไกลกว่า Cartier มีการลงทุนทรัพยากรจำนวนมากในการศึกษางานศิลปหัตถกรรมโบราณที่หายากหรือใกล้จะสูญหายจากโลก ตัวอย่างหนึ่งคืองานฝีมือในการตกแต่งพื้นผิวด้วยการนำเม็ดทองคำขนาดเล็ก (Gold Micro-granulation) การค้นพบศิลปะที่สูญหายไปในอดีตที่นำมาปรับปรุงด้วยเทคโนโลยีร่วมสมัย งานฝีมือเหล่านี้ยังถูกนำมาใช้กับนาฬิกาในกลุ่ม Métiers d’Art เช่น Ronde Louis Cartier Zèbre (ม้าลาย) และ Girafe (ยีราฟ) ที่ใช้เทคนิคการต่อชิ้นส่วนขนาดเล็ก (Micro-marquetry) พร้อมการเคลือบแล็กเกอร์สีดำ และการใช้เทคนิค Micro-granulation เพื่อนำทองคำ และทองโรสโกลด์มาสร้างภาพเงาของสัตว์ทั้ง 2 ชนิดบนหน้าปัด และขอบตัวเรือน จนต้องยอมรับว่าสำหรับ Cartier วัฒนธรรม และงานด้านการกุศลจะเดินเคียงข้างกันไปตลอดกาล

NORQAIN – เสียงเรียกจากพงไพร

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

NORQAIN Independence Wild One Skeleton นาฬิกาที่ผสมผสานวัสดุที่มีความล้ำสมัยทางเทคโนโลยี และตัวเรือนที่มีเอกลักษณ์จากความพิเศษที่สามารถดูดซับแรงกระแทก พร้อมงานฝีมือที่มีความพิถีพิถัน (Credit: NORQAIN)

NORQAIN เป็นแบรนด์อายุน้อยที่บริหารงานอย่างอิสระจากครอบครัวผู้ก่อตั้งที่มีวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนในระยะยาว โดยให้ความสำคัญกับขั้นตอนการผลิตที่สามารถใช้งานได้จริง – ด้วยการผลิตในจำนวนน้อย, เลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และลดปริมาณของเสียให้น้อยที่สุด – ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการผลิต และลดระยะเวลาให้เหลือน้อยที่สุด แต่สามารถปรับแต่งนาฬิกาได้อย่างเต็มที่ หนึ่งในโมเดลที่มีความโดดเด่น Independence Wild One ที่สามารถปรับแต่งความต้องการผ่านสมาร์ตโฟนได้ตลอดเวลา โครงสร้างตัวเรือนพิเศษหลายชั้นของแบรนด์ที่สามารถดูดซับแรงกระแทกผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่พวกเขาเรียกว่า NORTEQ ที่มีน้ำหนักเบา และแข็งแรงเป็นพิเศษ

แต่ไม่ใช่แค่เรื่องวัสดุเท่านั้น NORQAIN ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ศักยภาพในการสร้างสรรค์นาฬิกา โดยระบบกลไกรุ่นแรกที่พวกเขาพัฒนาขึ้นถูกนำเสนอสู่สาธารณชนเพียงไม่นานหลังจากการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงกลไกแบบ 3 เข็ม, ระบบกลไกที่มีความซับซ้อนสูง (Complication) สามารถแสดง 2 เขตเวลา และกลไกจับเวลา ( Chronograph) ซึ่งถูกนำมาใช้ในหลายโมเดลของพวกเขา ทั้งการสะท้อนจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย และแสวงหาความท้าทายใหม่ ด้วยการร่วมมือพัฒนากับ Kenissi กลไกพื้นฐาน NN20/1 ผ่านการรับรองความเที่ยงตรงจาก COSC และมีพลังงานสำรองสูงสุด 70 ชั่วโมง

เหล่าผู้ผลิตนาฬิกาที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนเพื่อผสานจุดมุ่งหมายของโลกแห่งความหรูหรา - Cortina Watch Thailand

ในระยะเวลาเพียงไม่นาน NORQAIN พัฒนาระบบกลไกนาฬิกาของตัวเองขึ้นมา โดยต้องขอบคุณความร่วมมือของ Kenissi (Credit: NORQAIN)

ความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นนับเป็นหัวใจสำคัญในอัตลักษณ์ทางสังคมของ NORQAIN ทั้ง 2 สิ่งเป็นคุณค่าที่ผู้ก่อตั้ง Ben Küffer, Ted Schneider และ Mark Streit ยึดถืออย่างแน่วแน่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว พวกเขาได้เลือกผู้ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรสำคัญเพื่อร่วมทำงานจากทั่วโลกทั้งโครงการ Butterfly Help ที่จะช่วยเหลือครอบครัวชาวเชอร์ปาที่เสียชีวิตจากการทำงานบนเทือกเขาหิมาลัย และ Tide Ocean – หน่วยงานที่แยกตัวจาก Braloba Group – ผู้ผลิตสายนาฬิกาของ NORQAIN ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างความตระหนักถึงความหรูหราในรูปแบบใหม่ที่แตกต่าง นับเป็นการสื่อสารสู่คนรุ่นใหม่ได้อย่างทรงพลัง

ทั้ง 5 แบรนด์ที่ถูกเลือกนำมาเสนอในบทความนี้ไม่ใช่รายชื่อทั้งหมดของผู้ผลิตนาฬิกาที่ทุ่มเททำงานเพื่อปกป้อง และดูแลสิ่งแวดล้อม แต่พวกเขาเป็นตัวอย่างของแบรนด์ที่ก้าวสู่อีกระดับด้วยการผสานแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้ากับผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่สะท้อนผ่านบรรดานักสะสมเรือนเวลา และตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกในปัจจุบัน

ค้นหาแบรนด์นาฬิกาลักชัวรี่ชั้นนำผ่านช่องทางออนไลน์ของ Cortina Watch สามารถเยี่ยมชมบูติกทุกแห่งของเราใกล้คุณ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม